"จิรายุ” เผย ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตามข้อเสนอของกฤษฎีกา พร้อมส่งสภาฯพิจารณาต่อไป ยืนยันเน้นลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก กาสิโนต้องไม่เกิน 10% ของทั้งหมด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 12 ประจำปี 2568 วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2568 พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยมีหลักการและเหตุผล ดังนี้
เดิม ครม. มีมติ (13 ม.ค.68 ) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่จัดทำโดย กระทรวงการคลัง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไปนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ยังคงมีหลักการตามที่ ครม. อนุมัติไว้ แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น 4 ประเด็นหลักดังนี้ 1. กำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกัน (เดิมกำหนดให้เป็นนายกรัฐมนตรี) 2. เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของ คกก. นโยบาย ในการพิจารณาเรื่องสำคัญที่ต้องเสนอ ครม. เช่น เสนอแนะนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือการกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อประกอบการ พิจารณาของ ครม. 3. แก้ไขกลไกการได้มาซึ่งผู้อำนวยการ โดยให้ คกก. นโยบายแต่งตั้ง (จากเดิม คกก. นโยบายแต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของ ครม.) 4. กำหนดกรอบนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรที่ คกก. นโยบายเสนอแนะต่อ ครม.อย่างน้อยต้องประกอบด้วย
1.การกำหนดจำนวนใบอนุญาต
2.พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
3. หลักเกณฑ์การพิจารณาร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
4. มาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
5.กำหนดเพิ่มเติมให้พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย
6. (กำหนดใหม่) ให้กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน โดยเฉพาะสถานที่จัดให้มีการเล่นพนันซึ่งจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยของอาคารอันเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร แล้วแต่กรณีใดจะน้อยกว่ากัน
7.(กำหนดใหม่) กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงถือว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้างและใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประเภทธุรกิจที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตที่จัดให้มีกาสิโนเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
8.(กำหนดใหม่) กำหนดให้ คกก. นโยบาย กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการประกอบการกาสิโนโดยต้องมี (8.1) การจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (8.2) ระบบควบคุมกาสิโน ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และ (8.3) มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากกาสิโน (เดิมไม่มี)
9. กำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ คกก. บริหาร กำหนด (เดิมกำหนด ห้ามเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยซึ่งยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมตามที่ คกก. กำหนด)
10.(กำหนดใหม่) ห้ามผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลใดจ้างหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดแก่บุคคลอื่น หรือเพิ่มยอดหรือจำนวนคนเล่นพนันในกาสิโน หรือเพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน (เดิมไม่มี).
11.เพิ่มเติมมาตรการปรับเป็นพินัย เช่น ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการที่สั่งให้ปฏิบัติข้อกำหนด และปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้ามเข้าไปในกาสิโน
12.เพิ่มเติมลักษณะการกระทำความผิดที่จะได้รับโทษทางอาญา เช่น การจัดให้มีการเล่นพนันในกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือถ่ายทอดการเล่นพนันในกาสิโน และกระทำการที่เป็นการเพิ่มยอดหรือเพิ่มจำนวนคนเล่นพนันหรือเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน มาแล้ว 3 ครั้ง ในช่วงที่ผ่านมา โดยครั้งที่ 4 ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 14 มี.ค. 2568 รวมเวลา 15 วันมีผู้แสดงความคิดเห็น 71,289 คน มีผู้เห็นด้วยร้อยละ 80 จำนวน 57,000 คน
ทั้งนี้ได้นำความเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมที่เน้นให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างของกฎหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐบาล การสร้างความชัดเจนในการกำกับดูแลและการป้องกันผลกระทบเชิงลบด้านสังคม การกำหนดพื้นที่สถานที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรให้มีความเหมาะสม การกำหนดผู้รักษาการร่วมตามร่าง พ.ร.บ.ฯ เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การพิจารณาความคุ้มค่าในการจัดตั้งสนง.กำกับสถานบันเทิงครบวงจร ความยืดหยุ่นในหน้าที่และอำนาจของ คกก. นโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ความเหมาะสมขององค์ประกอบ คกก. บริหาร การบูรณาการประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการสร้างการรับรู้ต่อสังคมในวงกว้าง ต่อไป ทั้งนี้ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอ และ ให้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป เพิ่อพิจารณาในวาระรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา และแปรญัตติภายในระยะเวลาที่สภาฯ กำหนด
โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะสนับสนุนส่งเสริมในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่จะส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยวของประเทศเป็นหลัก โดยจะไม่เน้นเรื่องคาสิโนที่มีอยู่เพียงแค่ 10% และจะดำเนินการตามพรบ. อย่างเคร่งครัด นายจิรายุ กล่าว