ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ใครหว่า “ย.ยักษ์” ใกล้ชิดพ่อนายกฯ เชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ !?
เปิดอภิปรายฯ “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่สอง ต้องบอกว่ายังมีความบันเทิงให้กับคอการเมืองได้รับชมเป็นช่วงๆ
นอกจากถกเถียงเรื่อง “กีกี้” ก็ยังมีประเด็นให้น่าขบคิด
โฟกัสไปที่ “ไอซ์” น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ที่เพิ่งสร้างชื่อ แฉเงื่อนงำสำนักงานประกันสังคม ซื้อตึกแพงเว่อ นอกสภาฯ มาหมาดๆ
คราวนี้ “ไอซ์ รักชนก” อภิปรายฯ ฟาดอุ๊งอิ๊งค์ ไปที่นโยบายปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า เหมือนจะจริงจัง แท้จริงแล้วแค่ “ภาพลวงตา”
เป็นเพียงผักชีโรยหน้าที่ซ่อนความจริงเอาไว้ เพราะนายกฯขาดภาวะผู้นำ ปล่อยให้ “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย และ “รองหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยงกันไป-มา สุดท้ายที่ปรากฏผลบ้าง เป็นเพราะรัฐบาลจีนทนไม่ไหวส่ง “หลิวอี้” มือปราบพระกาฬ มาลุยเอง จนฝั่งเมียนมา วงแตกอย่างที่รู้กัน
ขณะที่จีนเอาจริง แต่รัฐบาลอิงค์ กับละล้าละลัง ทำแบบขอไปที “ไอซ์ รักชนก” จึงเชื่อว่า ประเดี๋ยวแก๊งพวกนี้ก็อาละวาดใหม่ เพราะ รัฐบาลไม่เคยจัดการรายใหญ่ได้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมืองอำนวยความสะดวกให้หรือไม่
กรณีที่รัฐบาลย้ายนายตำรวจยศใหญ่อย่าง พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ หรือ “รองต๊ะ” ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วทำอย่างไรต่อ มีการพิสูจน์เส้นเงิน หรือคนในครอบครัวว่าเกี่ยวข้องหรือไม่
นอกจากนี้แล้ว ยังมีบุคคลที่ชื่อย่อ “ย.ยักษ์” ที่ใกล้ชิดกับบิดานายกฯ ในพื้นที่ จ.เชียงราย ทำให้ไม่สามารถปราบปรามได้
สรุปว่า ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ และสแกมเมอร์ ไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพอย่างเดียว แต่จงใจปล่อย ปละเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งต่างจากการปราบปรามปัญหาของต่างประเทศ ที่มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งกระบวนการ
นั่นเพราะ การทำงานของ “แพทองธาร” ไม่กล้าแตะประโยชน์ของกลุ่มทุน ไม่ว่ากลุ่มทุนไหนที่ได้ร่วมโต๊ะกับพ่อนายกฯ มาแล้ว
ขณะที่ “ทุนเทา” คือลูกน้องของพ่อนายกฯ ซึ่งนายกฯ ทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ ครอบครัวชินวัตร เอาประโยชน์ของคนในชาติ แลกประโยชน์กับตระกูลตัวเอง
ตีแรงขนาดนี้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า อีกฝ่ายเงียบกริบ ไร้การตอบโต้ ขนาดเจ้าตัว “ไอซ์ รักชนก” ยังแซวตัวเองทำไมเงียบเหงาจัง ไม่มีขบวนการ "กีกี้" ออกมาประท้วง
งานนี้จึงต้องรอดูกันต่อ จะมีขยายผลอะไรกันหรือไม่ โดยเฉพาะใครหว่า "ย.ยักษ์" เพื่อนพ่อนายกฯ ที่เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์!!
++ “โรม” จัดหนักว่าด้วย “ดีลปีศาจ” กับ “เทวดาชั้น 14” งานนี้ กีกี้ โผล่สลอน
ไฮไลต์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ“นายกฯอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นวันที่ 2 น่าจะเป็นเรื่อง “ดีลแลกประเทศ”
แต่ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ ตัวตึงของพรรคส้ม กลับเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าเป็น “ดีลปีศาจ” พุ่งเป้าเข้าหา “ทักษิณ” ที่ทำตัวเป็น “เทวดาชั้น14”
แน่นอนว่า ระหว่างการอภิปราย ถึงอาการป่วยของ“ทักษิณ” ก็มีบรรดา “กีกี้” ออกมาพลีชีพ ปกป้องนายใหญ่กันเป็นขบวน
ส่วนใหญ่จะเป็น สส.หญิง พรรคเพื่อไทย เช่น “ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” สะใภ้ชินวัตร, “นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร” ส.ส.ศรีสะเกษ , “ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ , ส่วน สส.ชายก็มี “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” ส.ส.สุรินทร์ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
ยังมี “ศาสตรา ศรีปาน” ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ลุกขึ้นประท้วง เมื่ออภิปรายพาดพิงไปถึง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้ที่เฝ้าติดตามการอภิปรายต่างก็ลุ้นว่า จะมี “ชัยชนะ เดชเดโช” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยกมือแล้วลุกขึ้นมาร้อง “กีกี้” ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีละก็ฮาแตก แต่ปรากฏว่าไม่มี
เนื้อหาหลักใหญ่ที่ “รังสิมันต์ โรม” อภิปรายว่า การที่ “ทักษิณ” ได้กลับระเทศแบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว เพราะมี “ดีลปีศาจ” จนนำไปสู่การเป็น “เทวดาชั้น 14” และหนึ่งในตัวละครสำคัญ ที่มีส่วนทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวคนเล็ก ของทักษิณ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในตอนนี้
“มีไอ้โม่ง 2 ตัว ใจดี ลด แลก แจก แถม ด้วยการให้บิดาของ น.ส.แพทองธาร ออกจากเรือนจำ เพื่อรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจได้ ทุกอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน เป็นคำโกหก ไม่มีความหมายอีกแล้ว เพราะวันนี้พ่อได้กลับบ้านแล้ว นี่คือ ดีลแลกประเทศ ที่นายกฯสมคบให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือพ่อตัวเอง ไม่ให้นอนคุกแม้แต่วันเดียว จุดเริ่มต้นของชั้น 14 มัน จึงเป็น “ดีลปีศาจ” เพื่อพาพ่อกลับบ้าน”
นอกจากนี้ ยังมีวาทกรรม ที่ประชดประชันถึง “อาการป่วย” ของทักษิณ จนทำให้บรรดา “กีกี้” ออกมาทำงานกันวุ่น
... วันนั้นนายใหญ่ป่วยปางตาย จะไปเฝ้ายมบาล ถึงขนาดโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่มีศักยภาพ นายกฯไม่เห็นสภาพความเป็นจริงหรือว่าวิญญาณจะออกจากร่างแล้ว หรือความจริงเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา ...
...ไหนพ่อกำลังจะม่องเท่ง ช่วงนั้นพ่อของท่านป่วย พะงาบๆ อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ใช่เหรอ ไม่คิดจะไปเยี่ยมพ่อเลยเหรอ นอกจากนี้ ยังพบว่า ท่านนายกฯ ได้โพสต์ไอจี โดยระบุถึงการไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น ขณะที่ราชทัณฑ์แถลงปาวๆ ว่า พ่อของท่านอยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมวางดอกไม้จันทน์ จริงๆต้องมารอดูหน้าพ่อแล้วหรือไม่ เผลอๆ ต้องเตรียมจองวัดไว้ล่วงหน้าแล้ว...
“รังสิมันต์ โรม” อภิปรายไป ถูกประท้วงไป สุดท้ายใช้เวลาไปทั้งหมด 100 นาที
ประเด็นนี้ ฝ่ายรัฐบาลมีการเตรียมกันไว้แล้วว่า หากอภิปรายเมื่อไร คนที่จะต้องลุกขึ้นมาตอบ คือ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม
“ทวี” ชี้แจงว่าตอนที่ “ทักษิณ” กลับมา และได้รับพระราชทานอภัยโทษนั้น “แพทองธาร” ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ยังไม่มีรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน” และ “ทวี สอดส่อง” ก็ยังไม่ได้เป็น รมว.ยุติธรรม
เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับ นายกฯอิ๊งค์ เลย ผู้อภิปรายได้แต่ ตัดตอน จินตนาการ สร้างวาทกรรม ขึ้นมาเท่านั้น อะไรคือ “ดีลปีศาจ” ท่านมีอะไรอยู่ในใจ ใครคือปีศาจของท่าน ?!!
และที่บอกว่า ไม่มีสักวันเดียวที่นายทักษิณติดคุก นี่ก็วาทกรรม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด
“รังสิมันต์ โรม” จบนิติศาสตร์ ไม่รู้หรือว่า ในกฎหมายราชทัณฑ์ คนที่เจ็บป่วยต้องไปส่งรักษาพยาบาล เขาให้ถือว่าสถานที่รักษาพยาบาล คือเรือนจำ กฎกระทรวงก็เขียนว่า “เป็นที่ควบคุมพิเศษ” ซึ่งเป็นสิทธิของโรงพยาบาล ที่จะจัดให้
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ท่านเป็นมืออาชีพ ไม่รู้จักกับ “ทักษิณ” และเมื่อครบวันที่ 22 ก.พ.67 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตั้งคณะแพทย์ 5 คน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ต้องไปดูว่ากลับมาเรือนจำได้หรือไม่ ปรากฏว่า คณะก็ให้ขึ้นกับดุลพินิจแพทย์ผู้รักษา และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีหนังสือโต้ตอบไปยัง รพ.ตำรวจ ก็อนุมัติให้อยู่โรงพยาบาลต่อ เพราะหมอที่ รพ.เห็นว่า ควรอยู่ต่อ
ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ถูกต้องตามหลักปฏิบัติ และกรอบกฎหมาย
…ที่โน้มน้าวมาทั้งหมด ท่านสมมุติเอาเองทั้งนั้น เราเตรียมการที่จะไปให้การกับป.ป.ช. แต่ยังไม่เรียกราชทัณฑ์เลย อย่าไปดูแคลน ป.ป.ช. ท่านอย่าเข้าใจว่า แพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ไม่มีความรู้ ไม่อยากให้ด้อยค่าคนอื่น ความจริงไม่มีอะไรเลย และเมื่อเรื่องเข้าป.ป.ช. แม้แต่กรรมการ ป.ป.ช. ยังเอาเรื่องมาเปิดเผยไม่ได้ แต่วันนี้ท่านสมมุติไปทั่ว....
ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” ตอบว่า อยากจะขอชี้แจงในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อกลับมา จนถึงวันที่ออกจาก รพ. ชั้น 14 ตนเองยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย จึงไม่อยากให้เกิดความสับสนว่า ไปใช้อำนาจนายกฯ สั่งข้าราชการหรือสั่งใครๆ ได้
ขณะเดียวกัน ไม่ว่าลูกคนไหนก็ตาม ไม่สามารถทนเห็นความไม่ยุติธรรม ที่เกิดขึ้นกับพ่อตนเองได้ ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี ที่เราต้องเผชิญความอยุติธรรม
ดิฉันมั่นใจว่า “ดร.ทักษิณ” คือ 1 ในคนท็อปๆ ที่ได้รับความไม่ยุติธรรม ถูกยึดอำนาจทางการเมือง ถูกอายัด ถูกยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ ถูกพลัดพรากไปอยู่กันคนละประเทศ นี่เป็นความเจ็บปวดของคนในครอบครัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ครอบครัวเราที่สนิทกันอยู่แล้ว ก็รักกันมากยิ่งขึ้น
...การกล่าวหาว่าคุณพ่อได้กลับมา เพราะมีการดีลกับปีศาจ ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง100% ไม่ใช่ความจริง!!
ส่วนเรื่องกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความ ซึ่งมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ขอไม่ไปก้าวล่วง ที่พูดว่าท่านป่วยจริง ป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัย คุณพ่อมีอาการป่วย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อันนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจน
ตลอดการอภิปรายสมาชิก ได้เรียกร้องให้ดิฉันลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของพวกท่าน ที่ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ ทุกท่านทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำไม่ได้คือ ขอให้ดิฉันลาออกจากความเป็นลูกสาว หรือ ความเป็นแม่ สิ่งนี้ดิฉันลาออกไม่ได้ ดิฉันพร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะดิฉันสวมหมวกของนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทย ดิฉันจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถ...