“สุชาติ” ปะทะคารมฝ่ายค้าน “สหัสวัต” สส.ปชน. อภิปรายกล่าวหาปมค้ามนุษย์ ส่งแรงงานไปฟินแลนด์ บอกตัวเองลูกผู้ชายพอ ยอมรับการตรวจสอบ ถาม คนอภิปราย “ฟังภาษาไทยออกหรือเปล่า”
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงที่ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน อภิปรายเกี่ยวกับการตั้งรัฐมนตรีที่มีคดีค้ามนุษย์ค้างอยู่ใน ป.ป.ช. ว่า ตอนแรกว่าจะกลับบ้านแล้ว นั่งดูละครน้ำเน่าอยู่นิดนึง ก่อนจะชี้ไปที่ฝ่ายค้าน พร้อมกล่าวว่า “อยู่ไหน คนที่พูดเมื่อกี้ อยู่ไหน ให้นั่งฟังด้วย ยังอยู่ไหม”
ทำให้ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงตามข้อบังคับที่ 9 ให้ประธานควบคุมความเรียบร้อยในที่ประชุม นายสุชาติ จึงกล่าวว่า “อะไร คุณพูดตั้งเยอะผมยังไม่ลุกขึ้นประท้วงเลย”
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า ประท้วงตามข้อบังคับที่ 9 ให้ประธานสภาควบคุมการประชุม และหากจะชี้แจงให้พูดผ่านประธานสภา เพราะสภาเป็นที่อันทรงเกียรติ ให้ประธานสภาควบคุมให้เรียบร้อย แต่การกระทำเมื่อสักครู่ไม่เหมาะสมในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ จึงขอให้ประธานสภาควบคุมคนเมื่อสักครู่ด้วย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา จึงวินิจฉัยว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ขอให้พูดกับประธาน และไม่ต้องชี้หน้า
จากนั้น นายสุชาติ กล่าวใช้สิทธิพาดพิงต่อว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ท่านไม่ได้เป็นนายกฯ เมื่อคราวที่แล้ว และไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องที่ตนเองมีคดีความใน ป.ป.ช หรือ ดีเอสไอ เรื่องนี้ต้องมีมารยาทในการอภิปรายในสภา ท่านต้องรู้ญัตติในการอภิปรายว่าจะอภิปรายเรื่องอะไร “คุณด่าผมชั่วผมเลวไม่เป็นไร แต่ตั้งแต่ผมเกิดมาที่ชลบุรี ผมก็เพิ่งเคยเห็นคนชลบุรีชั่วก็ตรงนี้แหละ ถ้าตนเองพูดคำนี้ในการประท้วงก็จะบอกว่า ที่ตนเองด่าผมว่าชั่วเลว เป็นอาชญากร ตนเองไม่เคยประท้วงเลย นั่งฟังจนจบ คนเราลูกผู้ชายต้องนั่งฟังด้วยกัน”
เรื่องที่ 1 ประเทศฟินแลนด์ที่กล่าวถึง และมีการเปิดเผยภาพนั้น ต้องขอบคุณ เพราะตนเองหาภาพไม่เจอ ซึ่งตนเองไปพร้อมกับสื่อมวลชน และถ้าตนเองอยู่ในกระบวนการที่ถูกกล่าวหา ตนเองจะไปเพื่ออะไร เมกเซนต์หน่อย สมองนั้นต้องคิดให้เป็น
เรื่องที่ 2 ตนเองมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตนเองออกมาตรการ 13 ข้อ ในการป้องกันการค้ามนุษย์ เมื่อในอดีต ซึ่งมีการค้ามนุษย์ที่ประเทศฟินแลนด์ มีการฟ้องร้องนายจ้าง และนายจ้างก็ติดคุก ซึ่งมีการชดเชยให้กับลูกจ้างประมาณ 6 คน คนละประมาณ 10 ล้านบาท คนที่ไปต้องทำสัญญาทาส จึงขอถามว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทส่งออก ออกค่าตั๋วเครื่องบินที่พัก คุณจะให้เค้าเซ็นหรือไม่ ”คิดให้เป็นอย่าโง่” พร้อมชี้หน้าและกล่าวต่อว่าไม่ต้องประท้วง เพราะเมื่อกี้ว่าตนเองว่าอะไร เป็นอาชญากรกี่เรื่อง“ แค่นี้รับไม่ได้ ตนเองพยายามจะสุภาพ
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า มาตรการ 13 ข้อที่ป้องกันการค้ามนุษย์ที่สำคัญที่สุดคือลูกจ้างที่ฟินแลนด์ กลับมาจะต้องมีเงินอย่างน้อย 30,000 บาท จะต้องนำบัญชีไปการันตีที่ ธ.ก.ส. หักค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักจะต้องมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีอย่างน้อย 30,000 บาทในสามเดือน และจะค้ามนุษย์ได้อย่างไรนี่คือสิ่งที่เราแก้ปัญหา รวมถึงที่เปิดเผยภาพความเป็นอยู่นั้น คุณไม่ได้ไป แต่ตนเองไป และได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของประเทศฟินแลนด์ ได้หารือถึงการออกวีซ่า ว่าทำไมเป็นเชงเก้นเก็บผลไม้ป่า เราอยากให้ออกเหมือนที่สวีเดน แต่เขาบอกว่าประเทศเขาทำแบบนี้
คนที่ไปกว่า 3,900 คน แต่คนที่หยิบยกขึ้นมาว่ามีปัญหามีเพียงแค่ 30 คน มันเกิดจากการสืบสวน เกิดจากคนที่ไปเป็นคนใหม่ และไม่รู้ว่าแหล่งผลไม้ป่าอยู่ตรงไหน ซึ่งผลไม้ป่าเก็บมากได้มาก เก็บน้อยได้น้อย ไม่ใช่ได้ค่าแรงเป็นชั่วโมง จึงทำให้ใช้เวลาเก็บนาน จึงขอถามกลับไปว่า เราไม่ได้คิดว่าให้เขาไปแล้วจะลำบาก
ส่วนข้อหาที่บอกว่าตนเองรับเงิน คุณช่วยตามหาให้หน่อยตนจะได้ฟ้องเขาเหมือนกัน พร้อมย้ำว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่สถานทูตฟินแลนด์ กระทรวงแรงงานของประเทศไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ว่าที่เราเข้ามาตรงกลาง เพราะกลัวว่ามีการโกงกันแล้วเป็นหนี้ จึงมีการออกมาตรการ
ส่วนเรื่องเงินในกล่องที่เอาไปให้นั้น ใครที่ได้ไปก็อยากรู้เหมือนกันว่าอยู่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ตนเองรู้ และได้บอกดีเอสไอไปนั้น มีเส้นเงินของตนเองอยู่ตรงไหน เรื่องการกล่าวหาการทุจริตรับเงินเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่มีการซัดทอดกันมา เพราะอยากกลับบ้าน พร้อมย้ำว่าทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม
“ที่คุณบอกว่าผมชั่วผมเลว ผมก็ไม่เคยเจอ สส.ที่เลวเท่าคุณเหมือนกัน ไอ้ห่า” นายสุชาติ กล่าว
ก่อนที่ นายสุชาติ จะถอนคำพูด และกล่าวว่า ตนเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนให้การแบบนั้น ตนเองเป็นลูกผู้ชายพอที่ยอมรับให้มีการตรวจสอบ ไม่ใช่มากล่าวหากันรายวัน และในวันนี้ก็ไม่ควรมากล่าวถึงตนเอง เพราะไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.แพทองธาร ก็ไม่ได้บริหารบริหารประเทศในเวลานั้น
นายสุชาติ ยังต้องข้อสังเกตว่า ทำไม 3,000 กว่าคน มีปัญหาเพียงแค่ 30 คน และหลังจากที่ตนเองเลิกดำรงตำแหน่งแล้ว ทางสถานทูตฟินแลนด์ก็ยังมีการขอแรงงานจากไทยให้ไปทำงานเก็บเบอร์รี่ การอภิปรายต้องอภิปรายด้วยเหตุและผล ที่มานั่งด่าตนนั้น ตนก็รับฟัง ซึ่งตนก็มีพ่อมีแม่ จะมาด่าว่าชั่วว่าเลว คนมีวุฒิภาวะ คนมีการศึกษา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องมีวุฒิภาวะ มีการศึกษา แต่ตนก็ไม่รู้จักคุณ ไม่รู้ว่าคุณไปอยู่รูไหน และทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว
ต่อมา นายสหัสวัต กล่าวว่า ขออธิบายความรู้พื้นฐานเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ การนำหนี้สินมาบังคับทำงาน หากมีความรู้สักนิด ก็คงเข้าใจว่า เรื่องนี้เข้าข่ายการค้ามนุษย์อย่างชัดเจน ส่วนการกล่าวหาว่าตนอภิปรายไม่เข้าใจญัตตินั้น นายกรัฐมนตรี รู้ทั้งรู้ ว่าคนๆ นี้ มีคดีอยู่ใน ป.ป.ช. แต่ก็ยังแต่งตั้ง ตนขอบคุณมาก ที่ให้การยืนยัน
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า หากจะบอกว่าการค้ามนุษย์ คือ การผูกหนี้ผูกสิน แต่สิ่งหนึ่งที่กระทรวงแรงงานลงไปทำ คือ การทำให้เขาไม่มีหนี้ไม่มีสิน นำเงินมาค้ำประกันกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หัวละ 30,000 บาท เพื่อการันตรีว่า คนที่ไปทั้งหมดจะต้องไม่เป็นหนี้ ไม่รู้ว่าฟังภาษาไทยออกหรือเปล่า