“ลุงป้อม” โชว์ซักฟอก “อุ๊งอิ๊ง” ซัดปล่อย ปชช.หนี้ท่วมหัว หุ้นดิ่งเหวในประวัติศาสตร์ ความเชื่อมั่นของประเทศถดถอย ห่วงลูกหลานคนไทยเผชิญปัญหาสังคม อาชญากรรมเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสีเทา ย้ำ นายกฯ ขาดคุณสมบัติสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ลั่นประเทศชาติ ไม่ใช่เวทีของมือสมัครเล่น ที่พูดมาไม่ใช่อคติ แต่ข้อมูลพิสูจน์ชัด ด้าน “อุ๊งอิ๊ง” ลุกตอบสั้นๆ “ที่พูดมาไม่เป็นความจริงค่ะ”
วันนี้ (24 มี.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิรายเรื่องการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ผิดพลาดล้มเหลว วันนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข อย่างที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทปิดกิจการจำนวนมาก ประชาชนหนี้ท่วมหัว ทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104% ราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดิ่งเหวในรอบ 3 ปี รัฐบาลไม่มีแนวทางอะไร ที่แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
“จริงๆ ผมพยายามเอาใจช่วย นายกรัฐมนตรี ให้แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องคนไทยให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรีเคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้ แต่ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จนจีดีพีของไทยรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน”
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่สำคัญ คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ ความเข้าใจ เรื่องเศรษฐกิจ ด้วยการตัดงบประมาณ นับแสนล้านบาท ที่ควรอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่นายกรัฐมนตรีกลับเอาเงินก้อนนี้ ไปใช้แจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลก และ กองทุน IMF ได้ออกมาเตือนแล้วว่าการแจกเงินหมื่นไม่ได้ผล แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน
“ถ้านายกรัฐมนตรีได้ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยจะไม่ลำบาก ทุกข์ใจ ในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส”
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนเป็นห่วงประเทศชาติอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง คือ เรื่องของ MOU 44 ที่วันนี้ท่านพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยง เรื่องการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือ ลูกเรือประมงไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะพากลับประเทศไทย นี่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับ ในฐานะที่ตนทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิต ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนทราบดีว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในหลายมิติมาก
ผมเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์ แต่เรื่องความมั่นคงของชาติสำคัญอย่างยิ่ง “ประเทศชาติไม่ใช่เวที ให้มือสมัครเล่น มาซ้อมมือ”
พล.อ.ประวิตร ยังกล่างถึงการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลพยายามจะผลักดัน มันมีช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องได้อย่างมาก
“ผมขอย้ำว่า โครงการนี้อันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้ การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆก็ส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจสีเทา และปัญหาอาชญากรรมมากมายอยู่แล้ว”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) (5) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตลอดจนการปล่อยปละละเลย ให้บุคคลในครอบครัวกระทำการ ให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน เรื่องนี้ขอให้เป็นการตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลเป็นเช่นไร ตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง
“ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่การกล่าวด้วยอคติ แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ สส. พรรคพลังประชารัฐ อีก 4 ท่านจะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป ผมขอขอบคุณ สส.ทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และประชาชนทุกคน ที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ “ใจบันดาลแรง” บริหารประเทศ ให้สำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังมีแรง ผมเชื่อว่า ถ้าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัว พวกพ้อง ผมเชื่อว่า ประชาชนจะชื่นชมและยอมรับท่านเองครับ ขอให้โชคดีครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันที่ พล.อ.ประวิตร อภิปรายจบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า เชื่อว่า หลังจากนี้จะมีสมาชิกฝ่ายค้านขึ้นมาอภิปรายในประเด็นต่างๆ ต่อจากนี้อีกหลายท่าน และตนเองพยายามจะตอบทุกๆ หัวข้อจะได้มีความสบายใจเกิดขึ้น
“สำหรับสมาชิกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้อาวุโสเมื่อกี้ ตนเองได้ฟังท่านพูดและจับเวลานาฬิกาด้วยตัวเอง ท่านพูดประมาณ 10 นาที และอยากจะบอกว่า ที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่นี้ ไม่เป็นความจริงค่ะ” น.ส.แพทองธาร กล่าวพร้อมยิ้มมุมปาก ก่อนจะลงนั่งเก้าอี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รายละเอียดคำอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
กราบเรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านผู้มีเกียรติ กระผม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐได้เข้าชื่อเสนอญัตติอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีพื้นที่การอันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปอีก
ประเด็นแรก ผิดพลาด ล้มเหลว วันนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เกิดปัญหาทุกข์ทุกหัวระแหง ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขอย่างที่รัฐบาลได้ให้คํามั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทห้างร้านปิดกิจการจํานวนมาก การแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ผิดที่ผิดทาง ประชาชนเกิดปัญหาหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104% ราคาข้าวโพด ข้าว มันสําปะหลัง ราคาอ้อย ปาล์มน้ำมัน พืชผลทางการเกษตรตกต่ํา ตลาดหุ้นดําดิ่ง เศรษฐกิจไทยมืดมน
รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ มาแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชน
จริงๆ ผมพยายามเอาใจช่วยท่านนายกฯ ให้แก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนได้สําเร็จนะครับ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรีเคยบริหารด้านธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่ จะมาช่วยประเทศชาติได้บ้าง
แต่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรี ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จีดีพีของไทยรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน ประเทศอาเซียน และที่สําคัญคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาทที่ควรจะอัดฉีดเข้าสู่เศรษฐกิจ แต่นายกรัฐมนตรีกลับเอาเงินก้อนนี้ไปจากเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและกองทุน IMF ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่นไม่ได้ผล ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน
ถ้านายกมนตรี ได้ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยคงจะไม่ลําบากทุกข์ใจในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัสเช่นนี้ ท่านจะนําพาประเทศให้รอดพ้นปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
ประเด็นต่อมาผมห่วงประเทศชาติเป็นอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดําเนินนโยบายต่างประเทศ และความมั่นคงคือเรื่องเอ็มโอยู 44 ที่วันนี้ท่านพาประเทศชาติสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนและทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล
ที่น่าเศร้าใจคือลูกเรือของประเทศไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะนํากลับมาแต่นี่ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้กลับ ในฐานะที่ผมทํางานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิต เป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผมทราบดีว่างานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จําเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในหลายๆ มิติอย่างมาก
ผมเห็นใจท่านนายกรัฐมนตรี ในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์แต่ เรื่องความมั่นคงของชาติสําคัญอย่างยิ่ง ประเทศชาติไม่ใช่เวทีที่จะให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือได้นะครับ
ประเด็นที่สาม การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจรที่เรียกว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลพยายามที่จะผลักดันมันมีช่องทําให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ ส่วนตนและพวกพ้อง
ขอย้ำว่ากาสิโนจะนําชาติไปสู่ความหายนะอันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทําให้สังคมอ่อนแอ และเกิดธุรกิจสีเทา ติดตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆ ก็ส่งผลให้ไทยได้กลายเป็นแหล่งฟอกเงิน ธุรกิจสีเทา ปัญหายาเสพติด อาชญากรรมและพนันออนไลน์มากมายอยู่แล้ว
อีกประเด็นสําคัญคือ นายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือ (5) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ท่านได้ทํานิติกรรมอําพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เรื่องการถือหุ้นบริษัทอัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จํากัด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ท่านไม่ควรแสวงประโยชน์ในทางที่ผิด
นอกจากนั้น ท่านได้ปล่อยปละละเลยให้บุคคลในครอบครัว มากระทําให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่
ท่านประธานที่เคารพ การที่บุคคลในครอบครัวของท่านนายกรัฐมนตรีได้เรียกแกนนําของพรรคการเมืองไปพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และบุคคลในครอบครัวของท่านนายกรัฐมนตรีทําตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคส่อไปในทางครอบงําหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามการตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลจะเป็นผมจะเป็นอย่างไรนั้น ผมเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานั้นไม่ใช่กล่าวหาด้วยความอคติ แต่ตามหลักฐานข้อเท็จจริงทุกอย่างทุกประการ สส.ของพรรคพลังประชารัฐอีก 4 ท่าน จะนําเสนอในรายละเอียดต่อไป
ผมขอขอบคุณทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี ประชาชนทุกคนที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่ากับตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ใจบันดาลแรงบริหารประเทศให้สําเร็จมาได้อย่างหลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรง ผมเชื่อว่าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่า ครอบครัวและพวกพ้อง ประชาชนจะชื่นชมและยอมรับกันเอง
ครับ ผมขอจบเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณครับ โชคดีครับ