ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ สัมพันธ์ลึก "พีระพันธุ์-พลโทเจียรนัย" กุนซือ ที่ไม่ใช่แฟนแต่ทำแทนได้ทั้งงาน-เรื่องส่วนตัว เบื้องหลัง "พีระพัง และกระทรวงพังงาน-งานพัง"!?
เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา ก่อนที่รัฐบาลจะถูกซักฟอกวันนี้ เมื่อ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำลังถูกตั้งคำถามจะรับผิดชอบอย่างไร ? กับกรณีใช้อำนาจหน้าที่ไปก้าวก่ายงานจัดซื้อจัดจ้าง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.
งานนี้เป็นความผิดพลาดที่มาจากการสั่งให้ระงับการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับ งานจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านหิน ที่เหมืองแม่เมาะจำนวน 2 รายการ มูลค่าสัญญารวม 7,170 ล้านบาท บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจาก กฟผ. ทว่าโดยฝีมือ "ชงหวาน"
ของที่ปรึกษาที่ชื่อ “พลโทเจียรนัย วงศ์สะอาด” ในฐานะกรรมการ กฟผ.มีหนังสือคัดค้านไม่ให้จัดซื้อจัดจ้างถึงรัฐมนตรี จนมีคำสั่งระงับดังกล่าวด้วยเหตุผลต้อง "สอบเรื่องทุจริต" ซี่งต่อมาภายหลังปรากฏว่า การตราจสอบมีข้อสรุปว่า ไม่พบข้อทุจริต และศาลปกครองยังได้ยกคำร้องของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ผู้แพ้ประมูลที่ยื่นศาลให้คุ้มครอง
จากจุดนี้เอง เลยทำให้มีคนสงสัยกรณีนี้อาจจะเป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ ที่อยู่บนปลายยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาการบริหารจัดการนโยบายกระทรวงภายใต้ “รมว.พีระพันธุ์”
นี่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ฉายาที่สื่อตั้งให้ว่า "พีระพันธุ์-พีระพัง" นั้นคงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ!
“พีระพัง” พังกระทรวงพลังงาน ให้กลายเป็นกระทรวงพังงาน ที่งานพังเละเทะ
ต้องบอกว่าฉายาของ พีระพันธุ์ คือ “พีระพัง” นี้ทำให้หลายๆ คน ต้องประเมินพีระพันธุ์ กันใหม่ เพราะภาพลักษณ์นักการเมืองโปรไฟล์เหมือนจะดี แต่ทำไมมีแต่ข้อครหาในการทำงาน !?
เข้าทำนองคำพังเพยที่ว่า "รู้หน้า ไม่รู้ใจ" ดูคนอย่าดูแค่เปลือกนอก
ฉันใดก็ฉันนั้น เพื่อคลายปมข้อสงสัยที่หลายคนยังไม่ถึงบางอ้อ ก็มีเว็บไซต์ สื่อ "bangkokbiznews" นำเสนอรายงาน "เจาะลึกสัมพันธ์ “พีระพันธุ์-พล.ท.เจียรนัย” เบื้องหลังนโยบายพลังงาน” เมื่อเร็วๆ นี้
งานนี้เขาว่า ระหว่าง “พีระพันธุ์” กับที่ปรึกษาโดยเฉพาะ "พล.ท.เจียรนัย" นั้นมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น และใกล้ชิดกันมากกว่าที่หลายคนคิด!
บทเพลงลูกทุ่งที่ว่า "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" แต่คงไม่ใช่สำหรับกับทั้งสองคนนี้ เพราะพีระพันธุ์ ไว้ใจ พลโทเจียรนัย ให้เป็นผู้ดำเนินการต่างๆ แทนได้ทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว!
ว่ากันว่า “พลโทเจียรนัย” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมว.พลังงาน ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะ ติดตามและประสานงานกับส่วนราชการในสังกัด กระทรวงพลังงาน รวมทั้งปฏิบัติภารกิจ ตามที่ รมว.พลังงานมอบหมาย
“พีระพันธุ์ และพลโทเจียรนัย” เหมือนดั่งเป็นเงาของกันและกัน
โดยนายทหารยศพลโทผู้นี้ เป็นหนึ่งในกุนซือข้างกายของ “พีระพันธุ์” มาตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ มารัฐบาล "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จนถึงรัฐบาล "อุ๊งอิ๊งค์" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
เรียกว่า มี “พีระพันธุ์” ก็ต้องมี “พลโทเจียรนัย” เสมอมา
ถามว่า “พลโทเจียรนัย” เก่งกาจสามารถแค่ไหน ? ตามโปรไฟล์ระบุว่า เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงกลาโหม และอดีตอาจารย์กองวิชาคณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ขณะที่ประสบการณ์และผลงานยาวเป็นหางว่าว ซึ่งน่าสังเกตว่า มาจากการแต่งตั้งหรือส่งเข้าไปของ “พีระพันธุ์” หรือไม่ ?
เอาแค่ในสมัย “พีระพันธุ์” นั่งว่าการกระทรวงพลังงาน “พลโทเจียรนัย” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ เกือบ 20 ชุด!
ทั้งเรื่องน้ำมัน ไฟฟ้า อีวี โซลาร์ ปาล์ม น้ำมัน และการตรวจสอบต่างๆ รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีรับซื้อไฟจาก พลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์
งานหลวงว่าเยอะ แต่งานราษฎร์ กิจการ-ธุรกิจส่วนตัวของ “พีระพันธุ์” ก็ยังมี “พลโทเจียรนัย” นั่งเป็นกรรมการผู้อำนาจลงนาม อีกหลายแห่ง
อาทิ บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด ,บริษัท พี แอนด์ เอส แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ,บริษัท เอสพี สมาร์ท โฮม จำกัด
เรียกว่า “พลโทเจียรนัย” ไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นซูเปอร์ที่ปรึกษา ทำงานเป็นบอร์ด 20 ชุด แถมด้วยงานและธุรกิจส่วนตัวพีระพันธุ์ เข้าไปอีก คนธรรมดาไม่น่าจะทำได้ ต้องเป็นมนุษย์พันธ์พิเศษ หรือ ซูเปอร์แมนจึงจะทำได้
นี่ก็เป็นเบื้องหลังการทำงานของ “พีระพันธุ์” ฉายา"พีระพัง" ที่สะท้อนภาพการทำงานถูกครหาดำเนินนโยบายพลังงานที่หลายๆ อย่างในกระทรวงมีปัญหาเพราะพวกพ้อง
และฟ้องว่ากระทรวงพลังงานตอนนี้ ได้เปลี่ยนเป็น "กระทรวงพังงาน-งานพัง" ไปเรียบโร้ย!
++ ลุ้นข้อมูลลึกจาก “ลุงป้อม” หวังผลดาบสอง ... แต่เรื่องประธาน กสทช. อาจเป็น “หมัดน็อก”
หลังจากโหมโรงมาหลายสัปดาห์ บัดนี้ก็ได้ฤกษ์เปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร กันแล้ว ซึ่งตามกำหนดการ จะเปิดเวทีตั้งแต่ 08.00 น. วันนี้ (24 มี.ค.) เป็นต้นไป
โดย “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นคนเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นคนแรก
ความรุนแรงของ “ข้อหา” ที่ได้บรรยายไว้ในญัตติ ก็ได้เห็นกันไปแล้ว เรื่องหลักๆก็ว่า เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ ขาดภาวะผู้นำ และวุฒิภาวะ ขาดความรู้ ความสามารถในการบริหารประเทศ ไม่รู้จักรับผิดชอบให้สมกับตำแหน่ง ปล่อยให้ “คนในครอบครัว”มาครอบงำ ชี้นำ เรียกกันว่าเป็นได้แค่ “นายกฯหุ่นเชิด”
ก็ต้องติดตามกันว่า “หัวหน้าเท้ง” จะมีเซอร์ไพรส์มาเพิ่มเติม เพื่อแจ้งเกิดในการอภิปรายครั้งนี้หรือไม่
หลังจากนั้น ก็ถึงคิว “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่คราวนี้มีข่าวว่าจะอภิปราย “นายกฯรุ่นหลาน” แบบเอาจริงเอาจัง ให้กระทบไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เพียงแค่อภิปรายเพื่อเป็น “สัญลักษณ์” เท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สนามกอล์ฟอัลไพน์ , กาสิโน , MOU 2544 และ เรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่ง ระดับ “ลุงป้อม” ที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน อาจจะมีข้อมูลลับเบื้องลึก ออกมาเปิดโปงให้ได้ฮือฮากันก็ได้
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองกันว่า เรื่องที่ยกมานั้น ไม่ได้พุ่งตรง หรือจะเป็นหมัดน็อก“นายกฯอิงค์” ลงได้ เพราะส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของ “คนอื่น” เสียมากกว่า จะมีก็เพียงเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวนายกฯ
แต่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ “นายกฯอิ๊งค์” เพิ่งเชิญไปร่วมดินเนอร์ ที่โรงแรมโรสวูด เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่างยืนยัน สนับสนุนนายกฯ การันตีไม่มีแตกแถว จึงมั่นใจว่า “การยกมือในสภา” จะผ่านฉลุย
และดูเหมือนว่า “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะรู้ซึ้งถึงความเป็นปึกแผ่นเฉพาะกิจของพรรคร่วมรัฐบาล จึงได้แต่หวังว่า ข้อมูลที่นำมาอภิปรายนั้น จะนำไปต่อยอด ว่า“นายกฯอิ๊งค์” มีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ถือว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม สามารถส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณา และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
แต่ก็อย่างว่า ไม่รู้ “ดาบสอง” ที่ไพบูลย์พูดถึงนั้น จะออกฤทธิ์กี่โมง!!
ว่ากันว่า มีอีกเรื่องที่ยังไม่ถูกนำมาพูดถึงกันมากนัก แต่เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ “นายกฯอิ๊งค์” โดยตรง ที่ต้องตอบ
นั่นคือเรื่อง “ประธาน กสทช.” ขาดคุณสมบัติ!!
เรื่องนี้ถูกพูดถึง กันมาพักใหญ่แล้วว่า ทำไม “นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” ยังสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่ง ประธาน กสทช. ได้ ทั้งที่ผลสอบข้อเท็จจริงของ คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและการโทรคมนาคม วุฒิสภา จะได้ข้อสรุปว่า “นพ.สรณ” ขาดคุณสมบัติ
ด้วยมีหลักฐานว่า “นพ.สรณ” ยังทำงานอยู่ที่ รพ.รามาฯ เป็นพนักงานของ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย มีสถานะเป็น "พนักงานมหาวิทยาลัย" ทำหน้าที่ตรวจ และรักษาคนไข้ ผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในของคณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มีสถานะเป็น "แพทย์ค่าตอบแทนรายชั่วโมง"
ประธาน กสทช. เป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับโปรดเกล้าฯ เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับทราบเรื่อง “ขาดคุณสมบัติ” แล้ว ก็ต้องนำความกราบบังคมทูล แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
คนที่ต้องตอบคำถามนี้ก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และถ้ายังเพิกเฉย ก็จะเข้าข่ายกระทำผิดตาม มาตรา157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เรื่องนี้อาจจะเป็น “หมัดน็อก” นายกฯอิ๊งค์ ในศึกอภิปรายครั้งนี้ ก็เป็นได้ !?