“ทักษิณ” เผย ซื้อหนี้เป็นเรื่องต้องทำ เพื่อสร้างโอกาสให้คนเป็นหนี้ได้เริ่มต้นใหม่ เชื่อดึงเอกชนเข้าร่วมไม่มีปัญหา ถ้าให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นก็เข้ามา คาด เกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ ส่วนแจกเงินหมื่น 2 เฟส แม้เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ก็ขอให้ใจเย็นๆ ถ้าไม่ทำเลยจะไหลลงกว่านี้
วันนี้ (23 มี.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ขณะไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่าง นายจักรภพ เพ็ญแข กับ นายสุไพรพล ช่วยชู ถึงแนวคิดการซื้อหนี้ประชาชน ว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะวันนี้ประชาชนลำบากอยู่ 2-3 เรื่อง เรื่องที่ 1 คือ การบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดโดยการดึงเงินออกนอกระบบ จนทำให้เศรษฐกิจมันแห้ง ทำให้ประชาชนเดือดร้อน อันที่ 2 คือ เรื่องโควิด ที่ประชาชนเดือดร้อน อันที่ 3 คือ การสร้างโอกาสให้ประชาชนไม่เพียงพอที่ประชาชนจะทำมาหากินได้ วันนี้ต้องหาทางให้ประชาชนได้เริ่มต้นใหม่โดยการพยายามแก้หนี้ให้เขาหรือว่าปรับโครงสร้างหนี้ให้เขาอยู่ในฐานะที่เป็นไปได้ สามารถชำระได้ แล้วก็มีเครดิตใหม่ สร้างโอกาสให้เขา ก็จะฟื้นได้
เมื่อถามว่า ได้เริ่มพูดคุยกับภาคเอกชนบ้างแล้วหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะว่าจริงๆ แล้วระบบทุนนิยมมันก็คือเขาต้องการมีกำไร ให้เขาอยู่ได้ วันนี้แบงก์ให้ดอกเบี้ยต่ำ แต่แบงก์ก็ไปให้แบงก์ชาติกู้ แต่ถ้าเราสามารถทำให้เขามีดอกเบี้ยที่สูงกว่านี้ เขาก็มา เราก็คิดว่าการแก้หนี้ภาคประชาชน ภาคครัวเรือน ก็คงเกิดขึ้นภายในปีนี้ ทุกอย่างก็น่าจะไปได้ดี
เมื่อถามว่า โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ที่หลายฝ่ายมองว่า แม้จะผ่านไป 2 เฟส และกำลังเข้าสู่เฟสที่ 3 ยังไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ นายทักษิณ กล่าวว่า คืออย่างนี้ ใจเย็นๆ เพราะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยมันก็จะไหลลงมากกว่านี้ บางทีเราทำ เราหยุดการไหล แต่มันยังไม่ขึ้นมา แต่วันหนึ่งต้องขึ้น ขึ้นแน่นอน ใจเย็นๆ และดิจิทัลวอลเล็ตมันไม่ใช่เรื่องของเงินอย่างเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่จะต้องใช้ในอนาคต อีกหน่อยทุกคนจะรู้จักพรรคเพื่อไทยอย่างดี เพราะในกระเป๋าตังจะมีกระเป๋าธรรมดากับมีกระเป๋าดิจิทัล ทุกคนต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะในอนาคตข้างหน้าจะมีสินทรัพย์ทางดิจิทัลมากมาย ก็จะไปผ่านตัวดิจิทัล วอลเล็ตตรงนี้ และไปไหนก็จะรู้ว่าเราเป็นคนมีกระเป๋าเงินดิจิทัลนะ จะเห็นว่ามันได้ประโยชน์เยอะ