xs
xsm
sm
md
lg

กษ. เตรียมมอบโฉนดต้นยาง 1 เม.ย.นี้ ชู เพิ่มมูลค่ายางกว่า 500,000 ล้าน ผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้า 11 ล้านไร่ทั่วประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมจัดพิธีมอบโฉนดต้นยางพารา 1 เม.ย.นี้ ตั้งเป้า 11 ล้านไร่ภายในปีนี้ เตรียมชงรัฐบาลผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ หวังออกให้ครบ 22 ล้านไร่ มั่นใจช่วยแก้ปัญหายางครอบคุมทุกด้าน สร้างคนให้อยู่กับป่าอย่างยั่งยืน เพิ่มรายได้ให้ชุมชน ป้องกันไฟป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นไปตามกฎEUDR สร้างโอกาสชาวสวนยางเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพิ่มมูลค่าให้ยางพาราได้มากกว่า 500,000 ล้านบาท

​ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด กยท.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดโครงการโฉนดต้นยาง ให้เป็นนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรฯ โดยในวันที่ 1 เมษายน 2568 นี้ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นประธานในพิธีมอบโฉนดต้นไม้และโฉนดต้นยางพารา ซึ่งในเบื้องต้น กยท. จะออกโฉนดต้นยางในพื้นที่สวนยางที่มีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมาย จำนวน 11.17 ล้านไร่ ให้ได้ภายในปี 2568 จากนั้นก็จะออกโฉนดต้นยางในพื้นที่อื่นๆ ที่เกษตรกรครอบครอง พร้อมจะผลักดันโครงการโฉนดต้นยางให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อจะสามารถออกโฉนดต้นยางได้เร็วขึ้น จนครบทั้ง 22 ไร่ทั่วประเทศภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี

​ทั้งนี้โฉนดต้นยาง ถือเป็นเอกสารสิทธิ์สำหรับต้นยางพาราที่ปลูกบนที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครอง ซึ่งจะทำให้ต้นยางทั่วประเทศมีเอกสารสิทธิ์ที่หน่วยงานของรัฐรับรอง โดยเฉพาะต้นยางที่ปลูกในพื้นที่ที่เกษตรกรครอบครองมายาวนานแต่รัฐไม่สามารถออกโฉนดที่ดินหรือเอกสิทธิ์ที่ดินให้ได้ ก็จะมีโฉนดต้นยางเป็นเอกสารสิทธิ์ในครอบครองต้นยางให้เกษตรกรทดแทน เป็นการแยกกรรมสิทธิ์ต้นยางออกจากกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งจะทำให้คนกับป่าอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน และยังเป็นการป้องกันไม่ให้มีการรุกพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากโฉนดต้นยางจะระบุพิกัดที่ตั้งของต้นยางนั้นๆ ไว้อย่างชัดเจน เปรียบเสมือนเป็น ID ของต้นยาง โดยต้นยางที่จะออกโฉนดจะมีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ยกเว้นต้นยางที่โค่นเพื่อปลูกทดแทน

​"โฉนดต้นยางจะตอบโจทย์แก้ปัญหาในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นไฟป่าจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะต้นยางแต่ละต้นมีเจ้าของเกษตรกรจะต้องดูแลอย่างดี หากปล่อยให้ไฟไหมสวนยางเกษตรกรก็จะสูญเสียรายได้ นอกจากนี้การปลูกสร้างสวนยางก็เปรียบเสมือนการปลูกป่า ช่วยเพิ่มออกซิเจน ลดฝุ่นPM2.5 ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ในอนาคตยังจะสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้ รวมทั้งยังทำให้เเศรษฐกิจชุมชนมีการขยายตัว เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพการทำสวนยางอย่างยืน ซึ่งโฉนดสวนยางนั้นจะเพิ่มมูลค่าให้กับต้นยางอย่างน้อยเฉลี่ยประมาณไร่ละ 27,000 บาท ถ้าออกโฉนดต้นยางได้ครบ 22 ล้านไร่ จะทำให้ต้นยางมีมูลค่ารวมถึง 500,000-600,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของต้นยาง" ดร.เพิก กล่าว

​นอกจากนี้โฉนดต้นยางยังจะทำให้ยางและผลิตภัณฑ์ยางของไทยสามารถส่งออกไปจำหน่ายในสภาพยุโรป(EU) กฎระเบียบ EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) ที่จะมีผลบังคับใช้ในปลายปีนี้ได้ด้วย เพราะโฉนดต้นยางทุกต้นสามารถสอบย้อนกลับได้ และยังเป็นหลักฐานที่ออกโดยหน่วยงานรัฐยืนยันว่า เป็นสวนยางที่ปลูกบนที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครอง ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม เป็นไปตามกฎระเบียบของEUDR

​"โฉนดต้นยางยังจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงินได้มากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ กยท. ได้ลงนามความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการบรรจุต้นยางพาราเป็นไม้ชนิดหนึ่งในระบบค้ำประกันเงินกู้ โดยใช้โฉนดต้นยางพาราเป็นเอกสารประกอบการขอรับบริการสินเชื่อ หรือเป็นหลักประกันเงินกู้จาก ธ.ก.ส. หรือสถาบันการเงินที่ให้บริการได้ ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม แปลงทรัพย์สินให้เป็นทุน ช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางก็จะมีเงินไปพัฒนาสวนยางพาราของตัวเอง" ประธานบอร์ด กยท.กล่าวในตอนท้าย












กำลังโหลดความคิดเห็น