xs
xsm
sm
md
lg

กสศ. จับมือตลาดหลักทรัพย์ฯ-เฟทโก้ มอบคอมพิวเตอร์ สื่อการเรียนรู้ 200 รร.ขาดแคลน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กสศ.ผนึกกำลังพันธมิตรสายธุรกิจ ระดมภาคเอกชนมอบคอมพิวเตอร์-สื่อการเรียนการสอนให้โรงเรียนที่ห่างไกลและขาดแคลน ตั้งเป้าหาบริจาค 5,000 เครื่องใน 5 ปี หวังปิดช่องว่างทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มทักษะทางดิจิทัล เพื่ออนาคตเด็กไทย

วันนี้(20มี.ค.) ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่าจากการสำรวจพบว่ามีโรงเรียนเล็กในพื้นที่ห่างไกล 1,155 โรงเรียน ซึ่งไม่สามารถยุบหรือควบรวมได้ (Protected School) เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะ สันเขา พื้นที่สูง หรือไม่มีโรงเรียนอื่นในรัศมี 6 กิโลเมตร โดยจำนวนนี้มีโรงเรียนที่ กสศ.ปักหมุดต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนราว 200 แห่ง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือ เด็กในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอน ไม่มีทีวี หรือคอมพิวเตอร์ 100% ถึง 1,521 คน ต้องอาศัยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากมือถือเท่านั้น และยังมี 14 คนที่ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมไปถึงขาดแคลนครูในโรงเรียน เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้มีแนวโน้มที่นักเรียนจะทำคะแนน PISA (Programme for International Student Assessment) หรือ การประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากลได้น้อย

“กสศ.สำรวจในช่วงโควิด 19 พบว่า เด็กเยาวชนยากจนในชนบท ใช้อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือของพ่อแม่ ไม่มีแท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ช่องว่างนี้เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไปห่างกันถึง 10 เท่า โอกาสเดียวที่เด็กเหล่านี้จะได้ใช้ทรัพยากรเพื่อเรียนรู้ พัฒนาทักษะต่างๆ คือ ที่โรงเรียน”

ดังนั้นโรงเรียนเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานและเสมอภาค สำหรับบทบาทในการแก้ปัญหาของกสศ. ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทำโครงการต่างๆ สามารถช่วยเหลือเด็ก 1.2 ล้านคนต่อปี ไม่ทำให้เด็กต้องหลุดจากระบบการศึกษา ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

สำหรับรูปแบบการช่วยเหลือ กสศ.มุ่งระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการระดมการสนับสนุน ทั้งการจัดสรรทรัพยากร บุคลากร และงบประมาณ โดยมุ่งเน้นเป้าหมายเร่งด่วนสำหรับโรงเรียนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและภาครัฐสามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้เพื่อขานรับเศรษฐกิจดิจิทัล กสศ. จัดทำแนวทางแก้ปัญหาที่ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย และตอบความต้องการ โดยร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายภาคส่วนจัดหาอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนให้กับโรงเรียน เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมอบทุนการศึกษาให้กับเด็ก รวมถึงจัดทำ “โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น” เพื่อสร้างบุคลากรกลับไปสอนในชนบท เป็นต้น โดยคาดหวังว่าภายใน 3-5 ปี หากเด็กสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานในการเรียนรู้ยุคดิจิทัลเหล่านี้ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และเนื้อหาสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสม อาทิ ความรู้ในการบริหารเงิน การประกอบอาชีพ ทักษะชีวิต การสร้างสรรค์สังคม เหล่านี้จะลดช่องว่างการเรียนรู้ เพิ่มทักษะทางดิจิทัล เปิดโอกาสในการจัดการชีวิตให้กับเด็กได้

“การลงทุนให้การศึกษากับเด็กๆ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด องค์กรภาคธุรกิจต่างๆ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็กไทยที่ขาดโอกาสได้ เพื่อลดช่องว่างทางการศึกษา สร้างอนาคตให้กับเด็กไทย”

ล่าสุด กสศ.ได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ดำเนิน “โครงการ 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนทำความดีเพื่อสังคม” โดยมี “โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อเด็กไทย ใส่ใจเรื่องการเงิน” เป็นหนึ่งในการดำเนินงาน เพื่อร่วมกันบริจาคคอมพิวเตอร์ เป้าหมาย 5,000 เครื่อง ภายใน 5 ปี

“โครงการนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณอย่างเสมอภาคจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้แก่โรงเรียนเล็ก ห่างไกล ทุรกันดาร ซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนที่ กสศ.ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ภาคตลาดทุนและภาคธุรกิจที่สนใจร่วม “โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อเด็กไทย ใส่ใจเรื่องการเงิน” สามารถสนับสนุนได้ผ่าน 3 รูปแบบ คือ 1) บริจาคคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานแล้วและยังมีคุณภาพดี 2) บริจาคคอมพิวเตอร์ใหม่ (มือ 1) หรือ 3) สนับสนุนองค์ความรู้ตามความเชี่ยวชาญหรือตามศักยภาพของธุรกิจ (In-kind Support) ในส่วนของเครือข่ายค่ายมือถือต่างๆ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ประกอบ (Device) ได้เช่นกัน เพื่อทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนต่างๆ สมบูรณ์

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการฯ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เปิดโอกาสให้นักเรียนเข้าถึงสื่อดิจิทัลและแหล่งความรู้ออนไลน์เพื่อการพัฒนาตนเอง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นตัวกลางเชื่อมโยงภาคธุรกิจให้มาร่วมกันบริจาคคอมพิวเตอร์ เป้าหมาย 5,000 เครื่อง ภายใน 5 ปี อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังจะสนับสนุนข้อมูลความรู้ด้านการเงินติดตั้งในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่จะส่งมอบให้แก่โรงเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ การออมการลงทุน ปลูกฝังความรู้ด้านการเงินให้แก่นักเรียน ครู และผู้ปกครอง

ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย รองประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนองค์กรภาคตลาดทุนได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการเนื่องด้วยประเทศไทยจะก้าวหน้าและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ ความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ และเข้าใจโลกยุคใหม่ ดังนั้นเยาวชนไทยจึงจำเป็นต้องมีความรู้และทักษะด้านดิจิทัลอย่างเพียงพอ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีทักษะที่หลากหลาย เพื่อเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน และพัฒนาตลาดทุนไทย รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน โครงการนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเพื่อสังคม และเป็นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาบุคลากรคุณภาพให้กับภาคตลาดทุนและประเทศชาติในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น