กกต.ติวสื่อรับเลือกตั้งเทศบาล กระตุ้น กกต.จังหวัด รณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิให้มากกว่าการเลือก อบจ.ที่ผ่านมา เผย กันพยานคดีทุจริตเลือกตั้งกว่า 113 ราย ส่งตำรวจคุ้มครองพยาน 32 คน ทุกคนปลอดภัยดี บางคนถูกเผารถ ยิงปืนใส่บ้าน
วันนี้ (20 มี.ค.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวในงานสัมมนาให้ความรู้สื่อมวลชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาและนายกเทศมนตรี ที่จะหมดอายุในวันที่ 26 มี.ค. 2568 และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 11 พ.ค. 2568 ว่าสื่อมวลชนมีความสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นกลาง เพื่อเป็นการป้องกันข่าวลวง หรือเฟกนิวส์ และลดความเข้าใจผิดของประชาชน โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้ย้ำสิ่งที่สำคัญคือการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วย (กปน.) ที่ต้องระวัง ไม่แต่งตั้งญาติของผู้สมัครมาเป็น กปน. เพราะเกรงว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครและไม่เป็นกลาง ประกอบกับ กปน.บางคนเป็นกรรมการประจำหน่วนเลือกตั้งมาหลายปี แทบทุกการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังย้ำเรื่องการส่งมอบบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ในการเลือกตั้งว่าจะต้องตรวจสอบ และเก็บในสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้ถูกเคลือบแคลง สงสัยในเรื่องของการทุจริต และที่สำคัญ สถานที่เก็บต้องไม่เชื่อมโยงกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง
นายอิทธิพร กล่าวว่า ในส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือประชาชนหากไปสังเกตการณ์เลือกตั้ง แล้วพบสิ่งที่น่าสงสัยขอให้แจ้งเหตุกับ กปน.ทันที เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการก็บพยานหลักฐาน ส่วนการตั้งจุดนับคะแนน ขอให้มีระห่างที่เหมาะสม ให้ผู้สังเกตการณ์สามารถมองเห็นการนับคะแนนได้โดยสะดวก ขอให้ กปน.ขานคะแนนด้วยความชัดเจน หากเห็นว่าการนับคะแนนไม่ชัดเจนหรือผิดพลาดขอให้ทักท้วงทันที ซึ่งหลังมีการกำชับเรื่องดังกล่าว พบว่า แนวโน้มการร้องเรียนการทำหน้าที่ของ กปน.ลดลงจาก 111 เรื่อง เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 เหลือ 17 เรื่องในปี 2566
ประธาน กกต. กล่าวต่อว่า ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภา และนายกเทศมนตรี ครั้งนี้ แนวทางวินิจฉัยความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นหน้าที่ กกต.และศาลอุทธรณ์ภาค แต่ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งทุกครั้งจะมีข่าวการซื้อเสียง เหตุที่ กกต.จับไม่ได้เพราะการปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมคือหาพยานหลังกฐานที่ต้องเพียงพอ และต้องพิสูจน์ได้โดยวิทยาศาสตร์ แต่คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียง เกี่ยวข้องกับคนมีอิทธิพลในท้องถิ่นบางเรื่อง จึงหาลักฐานได้ยาก และต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะดูจากการเลือก อบจ.ที่ผ่านมา บางจังหวัดออกเสียงมากที่สุดคือพัทลุง 83% ส่วนน้อยสุดไม่ขอเปิดเผยคือมีคนไปใช้สิทธิแค่ 46% ดังนั้น จังหวัดนั้นต้องพยายามหาช่องทางให้คนมาใช้สิทธิให้มากขึ้น เพราะการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 ถ้าไม่ไปเลือกตั้งต้องแจ้งเหตุ เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิบางประการ แต่ถ้าไม่ไป ไม่แจ้ง จะถูกจำกัดสิทธิเป็นเวลา 2 ปี ที่สำคัญคือไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ ผู้ไปใช้สิทธิ์สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ของ กกต และแอพพลิเคชั่น Smart Vote
ประธาน กกต. ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องของการพิจารณาสำนวนคดี คำร้องเรียน กกต.พร้อมรับแจ้งเบาะแส และมีอำนาจในการคุ้มครองผู้มาแจ้งเบาะแสไว้เป็นพยาน โดยที่ผ่านมา มีการกันเป็นพยาน 113 ราย คุ้มครองพยาน 32 ราย และให้รางวัลการแจ้งเบาะที่ให้มากที่สุดคือ 4 แสนบาท เมื่อเรื่องนั้นนำสู่การวินิจฉันว่าผิดจริง โดยล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังพิจารณาให้การคุ้มครองพยานเป็นครั้งที่ 6 โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความผลอดภัย ตอนนี้พยานทุกคนปลอดภัยดี บางคนมีโดนยิงปืนใส่บ้าน โดนเผารถกระบะ