xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชาย “สันติ” เปิดโต๊ะแถลง ปัดเอี่ยวขายตึกให้ “ประกันสังคม” แจงขายให้ “เอจีอาร์อี 101” ตั้งแต่ปี 2562 แล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลูกชาย “สันติ” ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานประกันสังคม ซื้ออาคาร Skyy9 เผย ขายตึกให้ เอจีอาร์อี 101 ในราคา 2 พันล้านบาท ได้รับชำระเงินโอนกรรมสิทธิ์เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2562 หลังจากนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอีก


วันนี้ (20 มี.ค.) เวลา 10.30 น.ที่อาคารรัชดาวัน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ผู้บริหารบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน ลูกชาย นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ทำการซื้ออาคาร Skyy9 หรือ ชื่อเดิม Cas Capital หรือในอดีตชื่อ ICE ในราคาประมาณ 7,000 ล้านบาทนั้น ต่อมาเริ่มมีกระแสในทำนองว่า ประกันสังคมได้ซื้ออาคารดังกล่าวในราคาที่สูง จะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ โดยอ้างว่า เป็นการซื้อจากบริษัทของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเชื่อมโยงว่าเป็นตนนั้น

“ผมขอเรียนให้ทราบว่า บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่ผมบริหารจัดการอยู่นั้น ว่า บริษัทได้เคยเป็นเจ้าของอาคารตึก ICE ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยบริษัท วอเตอร์เกท ซื้อมาตั้งแต่ปี 2560 โดยในขณะนั้น อาคารนี้เป็นอาคารร้าง และมีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถใช้ประโยชน์ และใช้งานได้ โดยเป็นการลงทุนซื้ออาคารเก่าซึ่งเป็นห้องชุด โดยซื้อมาจากหลายเจ้าของ ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว

“ในระหว่างที่ถือครองอยู่นั้น เคยได้มีแผนการที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานตามเดิมที่อาคารนี้เคยเป็นอยู่ อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาที่ถือครองทรัพย์สินนี้อยู่ ได้มีพรรคพวกที่อยู่ในวงการการเงินและอสังหาริมทรัพย์มาแนะนำให้รู้จักกับผู้สนใจลงทุนซื้ออาคารนี้หลายราย หนึ่งในนั้น ผู้ซื้อ คือ บริษัท เอจีอาร์อี 101 ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นกองทุน PE Fund (กองทุนที่ระดมทุนจากผู้มีเงินหลากหลายราย) ในต่างประเทศ” นายพัฒนา กล่าว

นายพัฒนา กล่าวต่อว่า ส่วนตัวได้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่จุฬาฯ ภาคการเงิน และปริญญาโท ที่ Cass business school ภาค Real Estate Investment โดยตรงจากประเทศอังกฤษ และมีประสบการณ์ในภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว บริษัทจึงได้ทำข้อตกลงการซื้อขายตามสภาพตึกที่เป็นอยู่ในวันที่ 1 พ.ค. 2562 และทำการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน คือห้องชุดในอาคารทั้งหมด ในราคาประมาณ 2,000 ล้านบาท ในวันที่ 23 ส.ค. 2562 ให้แก่ บริษัท เอจีอาร์อี 101 จำกัด และเมื่อบริษัทได้รับชำระเงินแล้ว ก็โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อไปตามปกติ โดยผู้ซื้อไม่ได้กลับมามีนิติสัมพันธ์ใดๆ กันอีก หรือตนก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ซื้อและมิได้ติดต่อกันอีก หลังจากขายไปแล้วก็จบสิ้น และก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ซื้ออีกต่อไปในทุกกรณี

“ผมทราบแต่เพียงว่า ผู้ซื้อไปประสงค์จะลงทุนปรับปรับปรุงอาคารให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และประกอบธุรกิจต่อไป และมีการลงทุนปรับปรุงอีกหลายพันล้านบาท ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อในทางใดๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยทราบเรื่องราวว่าอาคารหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของใคร ในราคาเท่าไร และเพิ่งจะทราบเรื่องทั้งหมดพร้อมๆ กับทุกๆ ท่าน ว่า สำนักงานประกันสังคมได้ซื้ออาคารหลังนี้ไปตามข่าวเท่านั้น และผมไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ ไม่รู้จักกับผู้ใดในประกันสังคมทั้งสิ้น รวมถึงกรรมการ หรือผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นใคร ทั้งในประกันสังคมและในกระทรวงแรงงาน” นายพัฒนา กล่าวยืนยัน


นายพัฒนา กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและบริษัทก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อในทางใด และไม่ทราบเรื่องราวว่าอาคารเหล่านี้ได้เปลี่ยนมือเป็นของใคร ราคาเท่าไหร่ เพิ่งจะทราบเรื่องพร้อมกับการที่ สปส.ได้ซื้ออาคารหลังนี้ไปตามข่าว ยืนยันว่า ไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ ไม่รู้จักกับผู้ใดในประกันสังคม และไม่รู้จักกรรมการหรือผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งในประกันสังคมหรือในกระทรวงแรงงาน จึงขอมาชี้แจงว่าบริษัทได้ขายอาคารเหล่านี้ให้แก่ บริษัทเอจีอาร์อี 101 เท่านั้น และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรอีก

ส่วนที่บอกว่าตนเป็นผู้ขายหรือเกี่ยวข้องกับการขายอาคารหลังนี้ให้แก่ สปส.นั้น ไม่เป็นความจริง การที่ผู้ซื้อได้ซื้อไปและนำไปปรับปรุงทำให้อาคารมีสภาพที่ดี สามารถใช้ประโยชน์ได้ ใช้เงินพัฒนาไปต่างๆ นานา หลายพันล้านบาท ไม่เกี่ยวกับตนโดยสิ้นเชิง จะมีกำไรหรือขาดทุนตนไม่เกี่ยวข้อง

นายพัฒนา กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจึงขอมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ได้ขายอาคารนี้ให้แก่ บริษัท เอจีอาร์อี 101 จำกัด เท่านั้น หลังจากนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอีก จึงต้องออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวที่มีกระแสพูดถึงว่า ตนเป็นผู้ขายหรือเกี่ยวข้องกับการขายอาคารหลังนี้ให้แก่สำนักงานประกันสังคม ซึ่งไม่เป็นความจริง และการที่ผู้ซื้อไปนำไปพัฒนาและรีโนเวตจนเกิดความสวยงาม สามารถใช้งานใช้ประโยชน์ได้ และใช้เงินพัฒนาและรีโนเวตไปหลายพันล้านแล้วขายต่อไปนั้น ไม่เกี่ยวกับตนโดยสิ้นเชิง จะมีกำไรหรือขาดทุน ตนก็ได้ได้เข้าไปเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงมีกระแสข่าวออกมาเช่นนี้ นายพัฒนา กล่าวว่า มี สส.ออกมาเปิดประเด็นเรื่องประกันสังคม ปกติไม่ได้ตามข่าวเท่าไหร่ พอทราบว่ามีประเด็นนี้ออกมา หลังๆ เริ่มมีการเชื่อมโยงมาทางตน จึงต้องออกมาชี้แจงว่าไม่เกี่ยว เราขายเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า หากมองย้อนไป เพราะเห็นมูลค่าในตลาด ถึงได้ตัดสินใจซื้อตั้งแต่ตอนแรกใช่หรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า อาคารหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ สภาพทรุดโทรม แต่อยู่ในโลเกชันที่ดี น่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนได้ จำเป็นต้องถูกปรับปรุง ส่วนราคาซื้อขายเบื้องต้นขออนุญาตไม่เปิดเผย แต่ที่บริษัทขายให้กับ เอจีอาร์อี 101 มูลค่า 2 พันล้าน อาคารมีสภาพเก่าอุปกรณ์ภายในเสียหาย บันไดเลื่อน สายไฟระบบทุกอย่างใช้งานไม่ได้ ต้องปรับปรุงใหม่ และอาคารได้สร้างจนถึงชั้นบนสุดเรียบร้อย แต่เมื่อสร้างเสร็จทำทุกอย่าง ตนไม่ได้เข้าไปดูอะไรอีกเลย

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับยุคก่อนหน้านี้ที่ใช้เงินซื้อตึกถึง 7 พันล้านบาท ถ้าเป็นนักลงทุนจะซื้อหรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า ตนคิดว่าตึกนี้ปรับปรุงออกมาแล้วสวย มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องมูลค่า 7 พันล้านบาท เมื่อถามย้ำว่า การซื้อขายครั้งนี้เป็นการเอื้อประโยชน์กันในพรรคการเมืองใช่หรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ

เมื่อถามอีกว่า บริษัท เอจีอาร์อี 101 มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลพร้อมพัฒน์หรือไม่ นายพัฒนา ปฏิเสธว่า ไม่มี เป็นเพียงผู้ซื้อผู้ขายกันเท่านั้น และนายสันติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แค่เพื่อนในวงการแนะนำมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรอยากจะบอกใครเพิ่มเติมเป็นพิเศษหรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า ไม่มี วันนี้ออกมาเพื่อจะชี้แจงในส่วนของตนและบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ยืนยันว่า เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายให้ สปส. ไม่รู้จัก ไม่มีอะไร และตนพูดในฐานะบริษัท ไม่ใช่ในนามของตระกูลพร้อมพัฒน์ ตนไม่เคยพบหรือโทรศัพท์กับใครใน สปส. และกระทรวงแรงงาน และยืนยันว่า นายสันติ ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น