xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊งอิ๊ง”ตีปี๊บเค้นผลงาน ฝ่าด่านหินซักฟอก !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ในที่สุดก็ได้กำหนดวันเวลาสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป้าหมายคือ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ล่าสุดผลการหารืออย่างยืดเยื้อของที่ประชุมวิปทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สรุปว่า ฝ่ายค้านจะได้เวลาอภิปรายจำนวน 28 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง เริ่มอภิปรายวันที่ 24 มีนาคม และลงมติในวันที่ 26 มีนาคม

จากการแถลงร่วมกันของวิปฝ่ายค้านและรัฐบาลหลังการหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า จะเริ่มอภิปรายในเวลา 08.00 น. วันที่ 24 มี.ค. โดยกำหนดกรอบเวลาไว้ว่า ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 28 ชั่วโมง คณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมกับพรรคร่วมรัฐบาล 7 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 2 ชั่วโมง มีการวางกรอบไว้ว่าจะอภิปรายถึงเวลา 23.30 น. ของวันที่ 25 มี.ค. และลงมติในวันที่ 26 มี.ค.

อย่างไรก็ดี หากวันที่ 25 มี.ค. เวลาอภิปรายและผู้อภิปรายของฝ่ายค้านยังไม่ครบ ต่อให้เลยเวลา 00.00 น. จะให้ฝ่ายค้านใช้โควตาของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยอาจจะมีการไปลงมติในวันที่ 27 มี.ค.แทน เพราะที่ผ่านมามีบางเหตุการณ์ที่มีการประท้วงเกิดขึ้นจนทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายได้ทำให้ต้องไปอภิปรายนอกสภาแทน ทั้งนี้ เป็นการรับรองจากฝ่ายรัฐบาลและ ครม.ว่าจะไม่มีการประท้วงพร่ำเพรื่อหรือไม่มีเหตุผล ซึ่งจะมีเวลาและเงื่อนไขในส่วนนี้จำกัดอยู่ ทุกฝ่ายจะพยายามทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ราบรื่น

ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเสริมว่า จากที่มีการจัดสรรเวลา เราจะพยายามใช้เวลาในส่วนที่ สส. รัฐบาลจะประท้วง วันละ 1 ชั่วโมง เพราะเราจะให้ เวลาที่นายกฯ ต้องชี้แจง และรัฐมนตรีแต่ละท่านที่อาจจะถูกพาดพิงต้องชี้แจง 5 ชั่วโมงโดยที่ฝ่ายค้าน ก็ระบุว่าจะกำชับกับฝ่ายค้าน ว่าหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก ควรมีการอภิปรายนายกฯตรงๆ เกี่ยวกับผลงานที่ท่านทำ อย่างไรก็ตาม วันแรกเรากำหนดไว้ว่าจะใช้เวลา 17 ชั่วโมง และวันที่ 25 มี.ค. จะใช้เวลา 11 ชั่วโมง รวมกันเป็น 28 ชั่วโมงในส่วนของฝ่ายค้าน และจะมีการลงมติในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 10.00 น.

สำหรับกรอบเวลาในการที่จะอภิปรายนั้น วันที่ 24 มีนาคม ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 17 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับคณะรัฐมนตรีจะใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุมจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้นจะเป็น 21.5 ชั่วโมง โดยคาดว่าหากมีการ เริ่มอภิปรายในเวลา 08.00 น. จะเลิกเวลาในเวลา 05.30 น. ของวันที่ 25 มี.ค. จากนั้นจะกลับมาเปิดการประชุมอีกครั้งในเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ซึ่งในวันนี้ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 11 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับครม.ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง ในวันที่ 25 มี.ค. จะใช้เวลาทั้งสิ้น 15.5 ชม. แล้วจะเลิกการประชุมในเวลา 23.30 น.

นั่นเป็นข้อตกลงในวงเจรจา แต่ในความเป็นจริงก็ต้องมาดูว่าจะมีการอภิปรายพาดพิง “กล่องดวงใจ” ของรัฐบาล และ “คนในครอบครัว” มากแค่ไหน เช่น หากซักฟอกของฝ่ายค้านพุ่งเป้าถล่ม นายกรัฐมนตรีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มากเกินไป จนตั้งรับไม่ทัน จนมือไม้ปั่นป่วน เอาไม่อยู่ หรือแม้กระทั่งอภิปรายพาดพิงไปถึง “คนนั้น” ที่สังคมย่อมรู้อยู่แล้วว่า คือ นายทักษิณ ชินวัตร แน่นอนว่าต้องเกิดการ “ประท้วง” ตามมาวุ่นวายแน่ เพราะอย่างที่รู้กันก็คือ “ห้ามแตะ” เด็ดขาด ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม


เพราะหากย้อนกลับไปในช่วงที่ นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคไทยรักไทย มีเสียงข้างมากเด็ดขาด แต่ก็ยังทำทุกทางเพื่อสกัดกั้นจนฝ่ายค้านในยุคนั้นไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ตอนนั้นแท็กติก ที่เขานำมาใช้ก็คือ หาทาง “ควบรวม” พรรคการเมืองเข้ามาเพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้มากเกินสองในห้า ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ปี 40 ซึ่งฝ่ายค้านเสียงไม่พอ ดังนั้น คราวนี้มันก็คงมาอีหรอบเดิม นั่นคือ ยิ่งไม่อาจแตะต้อง โดยอ้างว่า เป็น “คนนอก” ทั้งที่ทุกคำพูด ทุกนโยบาย และการเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนถูกมองว่ามาจากเขาทั้งนั้น

อย่างไรก็ดี หากหันมาโฟกัสที่ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นเป้าหมายรัฐมนตรีเพียงคนเดียวของฝ่ายค้านที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ รวมไปถึงจะพาดพิงไปถึงพ่อของเธอด้วยนั้น หากพิจารณาจากอาการของ นายกรัฐมนตรีแล้ว หลายคนคาดการณ์ล่วงหน้าว่า น่าจะ “อาการหนัก” หากฝ่ายค้านอภิปรายจริงจัง โดยที่ไม่มีเรื่อง “ดีลลับ” ระหว่างเจ้าของพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง

เพราะด้วยประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งในและนอกสภาที่ผ่านมา ถือว่าประสบการณ์ของเธอแทบเป็นศูนย์ ไม่มีเคยมีผลงานพิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานในบริษัทเอกชน พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทุกตำแหน่งด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาเท่าที่เห็น เธอไม่อาจโชว์ความสามารถออกมาให้เห็นเลย แม้แต่คำพูดที่เห็นได้ชัดว่า “ไม่มีความแหลมคม” หรือมีความคิดที่จับต้องได้เลย มีแต่คำพูดพื้นๆ และออกมาในแนวท่องจำ หรือพูดไปตามโพยที่ขาดความเข้าใจในแต่ละเรื่องสำคัญ ทำให้มีการสรุปตรงกันว่าทุกอย่างได้มาเพราะเป็น “ลูกทักษิณ” เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเจอสำหรับการรับศึก “ซักฟอก” ครั้งนี้ ถือว่าเป็นศึกใหญ่ตามรูปการณ์แล้วถือว่าหนักหนาสาหัสมาก เพราะจะว่าไปแล้วบรรดา “พี่เลี้ยง” หรือ “องครักษ์” ที่ระดมกันมานั้นคงช่วยเหลืออะไรมากนักไม่ได้ เนื่องจากถึงอย่างไรเจ้าตัวก็ “ต้องลุกขึ้นพูดเองบ้าง” และ ยิ่งพูดก็ยิ่งถูกจับจ้อง และยิ่ง “ถูกจับได้” ว่าตัวตนแท้จริงเป็นอย่างไร มีความสามารถจริงหรือไม่

ที่สำคัญการซักฟอกย่อมต้องถูกซักถาม ถูกกล่าวหา จะอ่านตามโพยอย่างเดียวเหมือนกับการแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ได้ ทุกสายตาทั้งในและนอกสภาจับจ้องตลอด ความตึงเครียดย่อมเกิดขึ้นแน่

อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะได้เห็น “แอกชันแปลกๆ” ของ นายกรัฐมนตรี ที่มักเร่งโชว์ผลงานออกมาแบบผิดสังเกตทั้งประเภทที่เป็นงานระดับเจ้าหน้าที่ ก็ต้องลงไปคลุกแถลงด้วยตัวเอง ตัวอย่างที่เพิ่งเห็นกันไม่กี่วันก่อนก็คือ การจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ที่เธอถึงกับต้องไปกำกับด้วยตัวเอง การเร่งงาน “ซอฟต์เพาเวอร์” ที่เพิ่งมาตีปี๊ป “สวมกางเกงประจำจังหวัด” เป็นต้น

เอาเป็นว่านับจากนี้ไปก่อนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะเห็นแอ็กชั่นมันๆ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่แสดงให้เห็นผลงานของเธอออกมาอย่างถี่ยิบ แม้ว่าเมื่อมองไปข้างหน้าถึงวันที่ถูก “ซักฟอก” ที่กำหนดแน่นอนแล้ว น่าหนักใจก็ตาม เพราะหากฝ่ายค้าน “ล็อกเป้า” ไปที่ นายกฯเพียงคนเดียว โดยไม่พาดพิงไปถึงรัฐมนตรีคนอื่น เพื่อเปิดช่องให้ชี้แจงขัดจังหวะได้ ถ้าเป็นแบบนั้นถือว่า “นรก” ดีๆนี่เอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น