กลุ่มสว.สำรอง แจ้งความบก.ปปป. เอาผิด "แสวง" เลขาฯกกต. ปมละเลยหน้าที่สอบฮั้วเลือกสว. หลัง 8 เดือนไม่มีความคืบหน้า ยันไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง
วันนี้ (19 มี.ค.) กลุ่มสว.สำรองนำโดย
พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว หอบหลักฐานร้องบก.ปปป. เอาผิดนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีละเลยหน้าที่ตรวจสอบฮั้วเลือกสว.
พล.ต.ท.คำรบ เปิดเผยว่า วันนี้คณะสว.สำรอง มาแจ้งความร้องทุกข์กับบก.ปปป. เพื่อเอาผิดนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. โดยสาเหตุที่มาที่นี่เพราะคณะสว.สำรอง ได้หารือและพบว่านายแสวง มีพฤติกรรมต่อการตรวจสอบการเลือกสว. ครั้งที่ผ่านมา ในลักษณะหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการเพื่อที่จะรักษาไว้ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม โดยเราได้รายงานพฤติกรรมไปถึงประธานกกต. มาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการตั้งคณะกรรมการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าประการใด แต่อย่างไรก็ตามการกระทำของนายแสวงก็ปรากฏความผิดอย่างชัดเจน ตามพ.ร.ป.การได้มาซึ่งสว.2561 มาตรา 32 ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสว. ที่กระทำการไม่เป็นไปตามกฏหมาย เพื่อให้การเลือกสว. เป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งมีอัตราโทษถึง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งถึง 20 ปี รวมถึงยังมีความผิดย่อยอื่นๆอีก ที่กลุ่มสว.สำรองจะมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน
ดังนั้นกลุ่มสว.สำรองจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์บก.ปปป. เพื่อให้รับคดีนี้ไว้ ซึ่งเราได้ประสานพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ไว้แล้ว โดยพยานหลักฐานที่นำมาในวันนี้ เป็นหลักฐานที่เคยนำไปร้องเรียนกับทางกกต. อาทิ แชทการตอบโต้ของนายแสวง ยืนยันไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือรังแกอะไรนายแสวง แต่นายแสวงไม่ตั้งใจดำเนินการและหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ ซึ่ง 8 เดือน ในฐานะที่ดูแลควบคุมการเลือกสว. พบว่าการสืบสวนไต่สวนต่างๆ ไม่มีความคืบหน้า จึงมีความจำเป็นที่เราต้องดำเนินการ เพื่อให้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง และให้กระบวนการของประเทศเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการดำเนินคดีตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ก็สามารถดำเนินคดีตามม.157 ทันทีอยู่แล้ว
ส่วนการมาแจ้งความในครั้งนี้ให้เป็นคดีอาญา เพื่อนำไปสู่การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น พล.ต.ท.คำรบ ระบุว่า มีหลายกรณีที่นายแสวงควรจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และควรถูกตั้งกรรมการพิจารณาทางวินัย และควรจะถูกสั่งพักการทำงานตามมาตรา 53 ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานถูกกล่าวหาในคดีอาญา ผู้บังคับบัญชาจะต้องนำเรื่องมาประกอบการพิจารณาว่าจะทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่
ส่วนประเด็นที่มีการเอื้อสว. กลุ่มไหนเป็นพิเศษหรือไม่นั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้อยากกล่าวหาใคร แต่มองว่าเป็นความเสียหายในภาพรวม โดยเห็นได้จากเรื่องที่มีการร้องเรียนกว่า 500 เรื่อง แต่ทำเสร็จเพียงแค่ 200 เรื่อง และเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ประเด็นสำคัญ 300 เรื่อง อาทิ เรื่องการฮั้วสว. จำนวน 40 - 50 สำนวน กลับมีคนรับผิดชอบเรื่องละ 3 คนเท่านั้น และไม่มีความคืบหน้า ทั้งนี้ยังทราบมาอีกว่าเพิ่งมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาตรวจสอบเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ จึงมองว่าคดีนี้จะไม่มีความต่อเนื่อง อีกทั้งการที่ประธานกกต. มีการส่งสำนวนร้องเรียนไปที่ศาลแล้วนั้น ก็มองว่าเป็นเพียงคดีเล็กๆ และเป็นเรื่องการเล่นการพนันก่อนที่จะมาสมัครสว.เท่านั้น