xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”ขายฝันสุดท้าย ซื้อเวลารัฐบาล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าออกมาเป็นชุดแบบต่อเนื่อง สำหรับ “ไอเดีย” ของนายทักษิณ ชินวัตร ส่วนในความเป็นจริงจะทำได้แค่ไหนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็สามารถสร้าง“ความฝัน” ให้กับชาวบ้านผู้ติดตามได้จำนวนหนึ่ง ล่าสุดผุดความคิดเรื่อง การ “ล้างหนี้” ให้ประชาชน จากนั้นมาเริ่มต้นกันใหม่

“วันนี้ประชาชนมีหนี้จำนวนมาก ซึ่งจะต้องยกหนี้ออกจากเครดิตบูโรให้ทั้งหมด โดยไม่ต้องชำระ เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่รัฐแก้ปัญหาให้ โดยไม่ใช้เงินรัฐสักบาท จริงๆพรรคเพื่อไทยจะออกเหรียญดิจิทัล แจกให้ประชาชน ซึ่งเหรียญจะอยู่ในระบบ แล้วรัฐบาลจะเติมเงินสนับสนุน แต่แบงก์ชาติบอกว่า ใช้ไม่ได้ ต้องมีเงินทุนมาหนุนหลัง จึงยุติ เพราะกระเป๋าเงินดิจิทัลหลายคนมองไม่ออก”

“ถ้าทำได้ (เงินดิจิทัล)จะช่วยให้ฟื้นเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันนี้ถ้าเทียบเป็นบ้าน ก็ต้องยอมรับว่า ฐานราก คานคอดิน มันพัง ส่วนเศรษฐกิจตกต่ำยุค "ต้มยำกุ้ง" เป็นแค่หลังคาพัง แต่เราก็ต้องซ่อม เพราะไม่สามารถสร้างหลังใหม่ได้ เพียงต้องใช้เทคโนโลยีมาซ่อมให้ทัน ที่ผ่านมา เพราะทหารวางระบบไว้…เลอะ แย่ เพราะปฏิวัติทีก็ถอยไปที กว่าจะฟื้นใหม่ก็ยาก แต่ก็ไม่เหนือความพยายาม ขอให้โอกาสให้พรรคเพื่อไทยอีกสมัย ไม่ต้องรอถึง 9 ปี”

นั่นเป็นคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างไปช่วยปราศรัยหาเสียงนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ของผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ถึงวิธีการแก้หนี้ของประชาชนชุดใหม่ แม้ว่าจะยังไม่มีรายละเอียดมากมาย ว่าจะทำได้แค่ไหน หรือต้องใช้เวลาอีกมากน้อย แต่อย่างน้อยก็เรียกเสียงตบมือจากชาวบ้าน และพี่น้องคนเสื้อแดงจำนวนมาก และถึงอย่างไร ในตอนท้ายก็ยังออดอ้อนว่า “ขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทยอีกสมัย” ซึ่งนี่แหละคือ “ทีเด็ด” ในการหาเสียงล่วงหน้า เพื่อประกันว่า หากให้ทำให้สำเร็จ ก็ต้องให้ความไว้วางใจพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอีกสมัยนั่นแหละ

หลังจากนั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงแนวคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ดึงเอกชนเข้ามาร่วมซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคารเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนว่า โดยหลักการแก้ปัญหาหนี้นั้น หากเป็นหนี้ที่พอจะแก้ไขได้ จะมีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ยืดหนี้ ลดดอกเบี้ย เพื่อให้ลูกหนี้สามารถอยู่รอดได้

แต่หากดำเนินการแล้วบางคนปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้ เงื่อนไขมีมาก หรือทำแล้วไม่คุ้มค่า เนื่องจากเป็นหนี้อยู่กับหลายธนาคาร ขณะที่ธนาคารต้องปล่อยสินเชื่อใหม่ไปเรื่อยๆ จึงมีอีกวิธีในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นแนวทางคล้ายกับปี 2540 ที่ต้องแยกบัญชี Good bank-Bad bank คล้ายกับธุรกิจบริหารหนี้ (AMC) แต่ครั้งนี้คงต้องทำร่วมกับธนาคาร ในฐานะที่เป็นเจ้าของหนี้ และอาจมีเอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมบริหาร รวมถึงภาครัฐด้วยว่าจะสามารถเข้าไปช่วยอย่างไร

“ครั้งนี้เป็นวิธีคิด เอามาดูเลย แยกออกมาเลย ต้องใช้เวลาเคลียร์กันนาน แต่ก็เคลียร์อยู่นอกธนาคารแล้ว เป็นอีกแนวคิดหนึ่ง ก็ดูอยู่ จริงๆผมคิดไว้หมดแล้วว่ามีกี่วิธี จะเริ่มอันไหนก่อน หน้า หลัง” ส่วนหนี้ที่แยกออกมาเพื่อให้เข้าไปซื้อจากธนาคารจะเป็นหนี้ประเภทไหน หนี้บ้าน หนี้รถ หรือหนี้ส่วนบุคคลนั้น ขอดูรายละเอียดก่อน รวมทั้งต้องฟังความเห็นจากหลายฝ่าย ซึ่งวันนี้จะไปพบกับสมาคมธนาคารไทย จะได้มีการหารือกันในเรื่องนี้

ส่วนแนวคิดของนายทักษิณ ที่ระบุว่าการซื้อหนี้ประชาชนจากระบบธนาคารจะไม่ต้องใช้เงินงบประมาณจากรัฐเลยนั้น นายพิชัย กล่าวว่า แล้วแต่เงื่อนไข ซึ่งอาจเป็นทั้งเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้

แน่นอนว่า คำพูดและความคิดของ นายทักษิณ ชินวัตร ย่อมต้องสร้างความตื่นตัวขึ้นมากับคนในรัฐบาล เหมือนกับคราวนี้ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อย่าง นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ออกมารับลูกทันที แม้ว่าจะบอกว่าเป็น “แนวคิด” ที่เคยคิดจะทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังต้องหารือกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะภาคธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้

ทำให้มองเห็นว่าเรื่อง “ซื้อหนี้” ดังกล่าวจากไอเดียของ นายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ยังเป็น “อากาศธาตุ ยังเป็นเรื่องยาวนาน และยาวไกล และที่สำคัญยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่อง “หนี้ครัวเรือน” ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ จากข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยเมื่อปี 2567 คนไทยมีหนี้ครัวเรือนอยู่ 16.32 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 89.6 ของ GDP ในขณะที่งบประมาณแผ่นดินปี 2568 มี 3.8 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 19.2 ของ GDP

ดังนั้นหากใช้งบประมาณแผ่นดินมาล้างหนี้ครัวเรือน แปลว่าต้องใช้งบต่อเนื่อง 4.6 ปี โดย ไม่มีการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ไม่มีโครงการลงทุนหรือใช้คืนหนี้ใดๆ เลยในช่วงเวลาดังกล่าว

แม้ว่า หากมองในอีกมุมหนึ่งแนวคิดดังกล่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร อาจเป็นการแก้เฉพาะหนี้ “เอ็นพีแอล” หรือหนี้เสีย แยกออกมาบริหารจัดการต่างหาก ซึ่งยังไม่รู้รายละเอียด เพราะเขายังขยักเอาไว้แค่บางส่วนเท่านั้น

แต่ที่ผ่านมหากมองย้อนไปตั้งแต่ในยุคของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีการแก้ปัญหาเรื่อง “หนี้” กันมาแล้ว โดยใช้วิธีปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งให้บทบาทกับทางตำรวจ มหาดไทย ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหนี้ ซึ่งมีทั้งธนาคาร และเจ้าหน้านอกระบบรวมถึงลูกหนี้ เข้ามาเจรจากัน จนล่วงมาถึงยุคปัจจุบันคือยุครัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีโครงการเรียกว่า “คุณสู้ เราช่วย” ที่เป็นการช่วยลูกหนี้เอ็นพีแอล และจากการเปิดเผยของกระทรวงการคลังยืนยันยอดลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมดรวมแล้วกว่า 1.3 ล้านราย แต่จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย กลับระบุว่า มีเข้าเงื่อนไขที่สามารถเจรจาลดหนี้ได้เหลือเพียงแค่ 2 แสนรายเท่านั้น หมายความว่า นอกเหนือจากนั้น ไม่เข้าเงื่อนไข ยังไม่สามารถช่วยเหลือได้

เมื่อพิจารณาจากคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องการ “แก้หนี้” ในครั้งนี้ ทางหนึ่งเหมือนกับการหยอดความหวัง เหมือนกับการ “ขายฝัน” รอบใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ที่เคยมีสารพัดไอเดียในเรื่องเศรษฐกิจ พยายามเน้นให้เห็นว่าจะ “เพิ่มเงินในกระเป๋า” การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่า “แจกเงินหมื่นดิจิทัล” ให้เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจสี่ห้ารอบ รวมไปถึงการโชว์วิสัยทัศน์เรื่องการ “ตั้งบ่อน”ในเขตเศรษฐกิจ จากนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ และยังไม่นับอีกหลายนโยบาย เช่น ค่าแรงวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีเดือนละ 25,000 บาท เติมเงินรายได้ครัวเรือนเดือนละ 2 หมื่นบาท ที่จนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นหรือมี แต่ไม่ตรงปก

ดังนั้น กรณี“แก้หนี้”ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ของ นายทักษิณ มันจึงถูกมองว่าไม่ต่างจากการ “ขายฝัน” ให้ชาวบ้านหรือบรรดาแฟนคลับทั้งหลายได้เคลิบเคลิ้มมีความหวังต่อเนื่องกันไปอีก เพราะทุกครั้งทุกเวทีที่เขานำไอเดียไปขายนั้นไม่ต่างจากการหาเสียงล่วงหน้า “ขอโอกาส” พรรคเพื่อไทย และขอโอกาสให้ลูกสาวตัวเอง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหลังการเลือกตั้งคราวหน้า แต่เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วน่าจะเป็นการขายฝันครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น