ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ สมุดพกผู้รับเหมาจะมีฤทธิ์กี่โมง!? "สุริยะ" จะแสดงสปิริตทำของตัวเองด้วยมั้ย!?
กรณีเหตุการณ์คานถล่มบริเวณพื้นที่การก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 24 ราย และเสียชีวิต 6 ราย
นี่เป็นเรื่องเศร้าสลดอีกครั้ง ที่เกิดในยุคที่ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" เป็นรัฐมนตรีคมนาคม กับ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และ บนเส้นทางถนนย่านพระรามสอง
เหตุผลที่มาความสยอง มีตั้งแต่เกิดจากความชุ่ยหรือประมาทของผู้รับเหมาไปจนถึงความปล่อยปละละเลยของหน่วยงานในสังกัดคมนาคม ไม่คำนึงความปลอดภัยของประชาชน
กรณีไหนโชคดี ไม่มีคนบาดเจ็บก็ถือว่าเดชะบุญของประชาชน-คนงาน แต่หากร้ายแรงอย่างกรณีล่าสุด และ ก่อนหน้าคานเหล็กก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 ถล่มทับคนงานก่อสร้าง มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และอีกหลายต่อหลายกรณี
แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ สิ่งที่สังคมได้เห็นก็คือหนังม้วนเดิมก็วนกลับฉายใหม่
“สุริยะ” รัฐมนตรีคมนาคมก็จะพูดแบบเดิมๆ แอ็กชั่นเก่าๆ ด้วยการสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ "ตั้งกรรมการ" ขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง
และ "มาตรการสมุดพก" สมุดพกผู้รับเหมา เพื่อแสดงออกว่า มีเอาไว้ลงดาบผู้รับเหมาที่ทำผิด
“สุริยะ” พูดขึงขังตลอด และยืนยันว่ากรณีล่าสุด ตอนนี้ได้หารือกรมบัญชีกลาง คาดว่า มาตรการจะออกได้ชัดเจนภายในเดือน เม.ย.นี้
"หากพบผู้รับเหมากระทำความผิดจะสั่งให้หยุดรับงานทันที และไม่สามารถประมูลงานได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้"
หลังจากนั้นจะพิจารณาออกมาตรการจัดการกับผู้ควบคุมงาน เพื่อให้มีบทลงโทษแบบเดียวกับมาตรการสมุดพกผู้รับเหมา!
ฟังดูจริงจังแต่ไม่เคยกลับมาบอกสังคมว่าทำได้จริงมั้ย!
เรียกว่า พอเกิดเรื่องที รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็จะประกาศจะเอาจริงๆ เพียงแค่ปลอบประโลมให้สังคมได้สบายใจ ครั้นพอเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็เงียบหายไปตามสายลม
บรรดาผู้รับเหมารายใหญ่ๆ ก็ยังวนเวียนมาแบ่งเค้กกันรับงานของกระทรวงคมนาคม ไม่มีพัก มีสมุดพก หรือไม่มีก็ไม่ได้สร้างปัญหาแต่อย่างใด
ในสมัย “สุริยะ” แม้โครงการต่างๆ จะเกิดอุบัติเหตุอยู่ประจำซ้ำๆ ซากๆ ก็ยังขยันดันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
สะท้อนให้เห็นว่า นักการเมืองกับโครงการถลุงเงินงบประมาณมาก่อนความปลอดภัยของประชาชนใช่ หรือไม่!?
ไม่น่าประหลาดใจที่มีหลายคนออกมาเรียกร้องให้ “รัฐมนตรีสุริยะ” เพลาๆเรื่องโครงการก่อสร้างใหญ่ๆใหม่ๆ ซะบ้าง แล้วสั่งการให้กระทรวงฯ ทำเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยโครงการก่อสร้างเพื่อดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ถ้าเกิดปัญหาอุบัติเหตุซ้ำซากในโครงการไหน จัดการกับผู้เกี่ยวข้องทันที ไม่ต้องรอรายงานลง “สมุดพก” ไม่ต้องรีรอลังเล
“สุริยะ” ต้องกล้าเชือดไก่ให้ลิงดู ผู้รับเหมาใครทำชุ่ย ใครไม่มีมาตรฐานก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย และกรณีมีผู้เสียชีวิตก็ต้องดำเนินคดีให้หนัก
ว่ากันว่า หากเป็นต่างประเทศที่เจริญแล้ว รัฐมนตรีที่มีสปิริต จะรับผิดชอบด้วยการลาออก ไม่หน้าด้านหน้าทน ให้สังคมประณามหยามเหยียด แน่นอน
นี่คนนินทา หมาดูถูกแค่ไหน นักการเหมือนไทย ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา หากสมุดพกผู้รับเหมาศักดิ์สิทธิ์ ก็อยากจะถามว่า จะออกฤทธิ์กี่โมง ?
และหากมันใช้ได้ผล พบผู้รับเหมากระทำความผิดสั่งให้หยุดรับงานทันที และไม่สามารถประมูลงานได้จริง
“สุริยะ” จะแสดงสปิริตทำ "สมุดพกรัฐมนตรี" เพื่อใช้กับตัวเองและ รมช.ในกระทรวงได้หรือเปล่า !?
พบปล่อยปละละเลยให้เกิดอุบัติเหตุกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซ้ำซาก ต้องหยุดทำหน้าที่ -ดีดตัวเองให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ทันที
เอาแบบอย่างนี้ดีมั้ย !? หรือเห็นควรว่าอย่างไร ทั่นสุริยะ!
++ พรรคร่วมรัฐบาลขยันดินเนอร์กันมาก หารายได้ให้ธุรกิจตระกูลชินฯ?!
ในทางการเมือง ว่ากันว่า ถ้าไม่มีปัญหา ก็ไม่จำเป็นต้องนัดกินข้าว ถ้านัดกินข้าวกันบ่อย แสดงว่ามีปัญหาเยอะ หรือยังเคลียร์กันไม่ลงตัว
เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พรรคร่วมรัฐบาลก็เพิ่งมีนัด “ดินเนอร์” กันที่ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพมหานคร โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพ
ไม่รู้ว่า “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดจริงหรือพูดเล่น ว่าโรงแรมนี้ค่าใช้จ่ายสูง จ่ายคนเดียวไม่ไหว เลยต้องใช้ระบบอเมริกันแชร์ คนละ 7 พันบาท เป็นค่าห้อง ค่าอาหาร
หลังมื้ออาหารก็ว่า คุยกันชื่นมื่นดี
ล่าสุด นี่นัดดินเนอร์กันอีกแล้ว โดย “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล มารับประทานอาหารค่ำ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝ่ายค้าน ก่อนเริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อาหารค่ำนัดพิเศษมื้อนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดย “เสี่ยตุ๋ย”พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และ “เสี่ยขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นเจ้าภาพ
แน่นอน ค่าห้อง ค่าอาหาร โรงแรมนี้ก็ไม่เบาเหมือนกัน เพราะเป็นโรงแรมหรู ระดับ 6 ดาว
โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ถนนเพลินจิต ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อาคารสูง 30 ชั้น เป็นของ “บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด” มี “เอม” พินทองทา ชินวัตร คุณากร ลูกสาวของ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นเจ้าของ
โดยซื้อที่ดินของ “ตัน ภาสกรนที” มาพัฒนา และให้เครือ โรสวูด โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท มาบริหาร โดยวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น “อัลตร้า ลักชัวรี่ โฮเทล” เปิดบริการเมื่อปี 2562 ใช้เงินลงทุน 5,000 ล้าน
เปิดดำเนินกิจการมาได้แค่ 2 ปี ก็เจอพิษโควิด-19 จนต้องปิดการให้บริการชั่วราว และเพิ่งกลับมาเปิดได้อีกครั้งในช่วงปลายปี 2565 นี่เอง... เรียกว่าถ้าเป็นคนสายป่านสั้น ก็คงต้องขายกิจการไปแล้ว แต่บังเอิญนี่เป็น “ตระกูลชินวัตร”
ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเตรียมรับศึกซักฟอกครั้งนี้ ก็ถือเสียว่าเป็นการช่วยอุดหนุน “ธุรกิจตระกูลชินฯ” และเมื่อมีครั้งนี้ ก็เชื่อว่าจะต้องมีครั้งต่อๆ ไป
สำหรับเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีความคืบหน้าในเรื่องกรอบเวลาโดยมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากที่มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย แล้วตกลงกันไม่ได้ โดยฝ่ายค้านขอเวลา 30 ชั่วโมง คืออภิปราย 3 วัน และลงมติอีก 1 วัน แต่ฝ่ายรัฐบาลบอกว่า ให้ฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง รัฐบาลชี้แจง 10 ชั่วโมง ใช้เวลาอภิปราย 2 วัน ลงมติ 1 วัน
ล่าสุดรัฐบาลยอมให้ฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง รัฐบาลขอแค่ 7 ชั่วโมง นัดตกลงเจรจาหาข้อยุติกันวันที่ 18 มี.ค.นี้
ส่วนเรื่อง ตัดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วฝ่ายค้านจะใช้ชื่ออะไรแทนนั้น กำลังเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจติดตาม
“ทักษิณ ชินวัตร” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า จะเรียกอะไรก็เรียกไป แต่ต้องหล่อหน่อย และไม่ว่าจะเป็น “คุณพ่อ... ชายคนนั้น... หรือ สทร.” ก็เอาเลยไม่มีปัญหา รับได้หมด แต่ขอให้เป็นไปตามกติกาของสภา ทางสภาว่าอย่างไร ก็ว่าตามนั้น
ขณะที่ “ประธานวันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา บอกว่าจะแก้เป็น “ใครคนนั้น” หรือ “สทร.” ก็ได้ ไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคล ส่วนคนจะเข้าใจอย่างไร ก็เป็นเรื่องของประชาชน และสส.ในสภา
ต้องติดตามว่า ฝ่ายค้านจะ “ครีเอต” ชื่อแทนตัว “ทักษิณ” ออกมาว่าอะไร จะเบาลง หรือแรงขึ้น เพราะ “พรรคส้ม” ก็เพิ่งโดนทักษิณ ชี้หน้าว่า ทำตัวน่ารำคาญ !!