เมืองไทย 360 องศา
สำหรับคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาแบบเข้าใจ และมองเห็น “แบ็กกราวด์” ที่มาที่ไประหว่าง “เจ้าของคอก” ทั้งสองคือ นายทักษิณ ชินวัตร กับ นายธนาธร จึงรุ่มเรืองกิจ ย่อมมองเห็นภาพได้ไม่ยาก และคำพูดล่าสุดของ นายทักษิณ ที่ส่งสัญญาณออกไปโดยตรงถึง นายธนาธร นั้น ถือว่าชัดเจน และตรงตัวที่สุดว่า อย่าทำให้ “รำคาญ” เป็นอันขาด
ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมที่จะอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยจะมีการพาดพิงถึงตัวเขา ว่า ถามจริงๆ เพื่ออะไร ตนไม่ได้เป็น สส. ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จะทำไปเพื่ออะไร หรือ จะดิสเครดิตเพื่อวางเผื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า เหลืออีก 2 ปี ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบเลือกตั้ง ไม่ต้องหาเสียง
ส่วนจะต้องให้ฝ่ายกฎหมายดูหรือไม่ เพราะอาจจะมีอะไรที่เกินเลย นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา สบายๆ ตนเห็นนรก สวรรค์ มาแล้ว เฉยๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น
สำหรับการอภิปรายที่จะมีการพาดพิงตัวของนายทักษิณนั้น จะเกี่ยวกับประเด็นชักใยนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ ต้องพยายามทำอะไรให้สร้างสรรค์ ต้องทำอะไรที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ “อย่าเป็นที่น่ารำคาญ หากทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค”
ถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่านายทักษิณ เป็นนั่งร้าน คอยอยู่ด้านหลังนายกรัฐมนตรี แรงเกินไปหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ต้องถามว่าประเด็นนี้ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วหรือไม่ เขาได้ปรึกษากันยังว่าจะเล่นประเด็นนี้” ต่อข้อถามว่า หมายความว่าอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า “เอ้า ต้องถามว่านายกอบจ.ลำพูน นั้น มีใครไปช่วยดูแลบ้าง ใจเย็นๆ ”
ถามย้ำว่า หมายความว่า มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เปล่าๆ ไม่มีใคร แต่คือแบบนี้ สรุปแล้วต้องว่าไปตามกติกา จะอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่เป็นอะไร ผมไม่เกี่ยว”
เมื่อถามว่า ติดใจที่มีการเอ่ยชื่อนายทักษิณ หรือต้องเป็นชื่ออื่นหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ชื่อผมมันหล่อไปหน่อย ไม่เป็นอะไร"
ได้มีการให้คำแนะนำนายกฯ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มี ช่วงนี้นายกฯ ก็ทำงานหนักหน่อย เพราะปัญหาเศรษฐกิจต้องช่วยกันฟื้น ซึ่งตอนสมัยปี 2540 ที่มีปัญหาเศรษฐกิจตอนนั้น เป็นเหมือนบ้านที่หลังคาพัง ซ่อมง่าย แต่วันนี้ พังโดยฐานราก ซึ่งเมื่อฐานรากพังก็ต้องใช้เวลาในการซ่อม แต่ถามว่าซ่อมได้หรือไม่ ก็ได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย ฉะนั้น ต้องให้เวลารัฐบาล
ถามอีกว่า หากฝ่ายค้านไม่ยอมถอนชื่อนายทักษิณ ออกจากญัตติไม่ไว้วางใจมองว่า นายกรัฐมนตรีจะผ่านศึกอภิปรายไปได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เมื่อนายกฯ มาเป็นนายกฯ เขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องธรรมดา การจะใส่ร้ายป้ายสี ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมี แต่การบรรจุญัตติที่มีชื่อของบุคคลภายนอกนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯ ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล
ส่วนให้ใช้ชื่ออย่างอื่นแทน มีอะไรจะแนะนำหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า จะเรียกอะไรก็เรียกไป อย่างไรก็ได้ แต่ต้องหล่อหน่อย และไม่ว่าจะเป็น 3 ชื่อ คือ คุณพ่อ ชายคนนั้น หรือ สทร. ก็เอาเลยไม่มีปัญหา อะไรก็ได้รับได้หมด แต่ขอให้เป็นไปตามกติกาของสภาฯ สภาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้นายกรัฐมนตรีพา นายทักษิณ เข้าไปไปนั่งชี้แจงในสภาด้วย นายทักษิณ กล่าวว่า “กติกาได้หรือเปล่า ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน โถ่ เป็นคนรุ่นใหม่ ทำอะไรให้มีรักษากติกาบ้าง”
แน่นอนว่า คำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งรับรู้กันดีว่า เป็น “เจ้าของคอก” เพื่อไทย รวมไปถึงเจ้าของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคนในพรรคนี้ย่อมรับรู้ถึงสถานะกันดีว่าไม่ต่างจาก “นายใหญ่” เป็นเจ้าของทุกอย่าง ขณะเดียวกัน หากมองไปถึงอีกพรรคหนึ่งคือ พรรคประชาชน ก็ย่อมมีคนที่เป็น “เจ้าของพรรค” เช่นกันก็คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคประชาชนในเวลานี้
คำพูดดังกล่าวของ นายทักษิณ ย่อมเป็นการสะท้อนภาพให้เห็นว่า นี่คือการส่งสารตอบโต้กลับไปถึง “เจ้าของอีกคอก”หนึ่ง ในแบบที่รับรู้ถึงกัน มิหนำซ้ำท่าทีที่แสดงออกมายังเป็นแบบ “โชว์เหนือ” ในลักษณะ “ข่มลูกน้อง” อีกต่างหาก เหมือนกับคนละระดับกันอย่างชัดเจน
ซึ่งในความเป็นจริง มันก็มีลักษณะแบบนั้นเสียด้วย เพราะเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์แล้ว ไล่เรียงไปถึงพวก “จึงรุ่งเรืองกิจ” เวลานี้ในพรรคเพื่อไทย ก็มี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีบทบาทในระดับ “เกรดเอ” ในกระทรวงสำคัญ และในรัฐบาล และหากพิจารณาจากอาการมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาล เขาก็มีท่าทีพินอบพิเทา หมอบกราบ นายทักษิณ และคนในครอบครัวอย่างนอบน้อม และเขาคนนี้ก็เป็น “อา” โดยตรงของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่นเอง
ที่ผ่านมา ทั้ง นายทักษิณ และ นายธนาธร มีข่าว “ดีลลับ” กันอยู่บ่อยครั้ง มีการยอมรับกันแบบปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า หากพิจารณาจากสถานะภายนอกเหมือนกับว่า ทั้งคู่มีศักดิ์เสมอกัน แต่สำหรับวงในแล้ว นายธนาธร ไม่ต่างจาก “ลูกน้องเก่า” ที่เจอหน้ากันแล้วยังไม่กล้าหายใจแรงก็แล้วกัน
แต่มาวันนี้ เมื่อบรรยากาศการเมืองเปลี่ยนไป ในลักษณะที่ต้องมาเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง แต่ละฝ่ายต้องแสดงกันไปตามบท ต้องไปกระทบกระทั่งกัน รวมไปถึงบรรดา “ลูกหาบ” บางส่วน “หลุดคิว” จนทำให้ “นายใหญ่รำคาญ” ต้องออกมากระตุกเตือนไปถึง “เจ้าของ” ทำนองว่า “อย่าล้ำเส้น” นั่นแหละ
และหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ระดับที่เป็น “แกนๆ” ทั้งหลายในพรรคประชาชน เวลานี้ต่างเงียบกริบ แทบจะไม่กล้าแสดงความเห็นในลักษณะที่เป็นเรื่องแหลมคมออกมา อย่างมากก็แค่ตามน้ำธรรมดาเท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ที่ยื่นญัตติ ระบุชื่อนายทักษิณ ชินวัตร เป็น “นั่งร้าน” ชักใย ลูกสาวคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยังตอบโต้แบบไม่เต็มเสียงนัก
ดังนั้น นาทีนี้เมื่อพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของ นายทักษิณ ชินวัตร มันจึงไม่ต่างจาก “นาย” ที่มีความรู้สึกรำคาญพวก “ลูกน้องเก่า” ที่เริ่มปีกกล้าขาแข็ง ชักไม่เกรงใจ ต้องกระทืบเท้าเตือนดังๆ กลับไปให้ได้ยินว่า ชักจะมากไปแล้ว “อย่าล้ำเส้น” มามากนัก ซึ่งเหมือนกับจะได้ผล เพราะเริ่มอ่อนลงหลายคนเงียบกริบ ทำให้ต้องรอดูกันอีกว่า เมื่อถึงวัน “ซักฟอก” จริงๆ แล้ว จะเดินหน้าลุยแตกหักหรือว่า ท่าดีทีเหลว ก็จะได้เห็นกัน!!