“จิราพร” ยัน รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าจริงจัง เห็นผลใน 30 วัน โวได้รับเสียงสะท้อนบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มหาไม่ได้แล้ว ชี้ สส.ฝ่ายค้าน สูบบุหรี่ไฟฟ้าในสภา ควรให้เบาะแสแหล่งซื้อขาย
วันนี้ (14 มี.ค.) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแก้ปัญหาการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน และมอบให้ตนเป็นประธานในการประชุม และหลังจากนั้นวันที่ 27 กุมภาพันธ์ได้เชิญ 20 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมรอบแรกเพื่อวางแนวทางการทำงาน ไว้ 3 ส่วน คือ 1. การป้องกันการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลัก และมีการยกระดับการบังคับกฏหมายให้เข้มข้นขึ้น ซึ่งทุกเคสที่จับได้ที่ด่านศุลกากร จะมีการส่งไปยังตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดีและส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสืบเส้นทางการเงิน และนำไปสู่การอายัติทรัพย์สินต่อไป
2. สำหรับการปราบปรามในประเทศ จะมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค และกรมศุลกากร บูรณาการร่วมกันในการปูพรมกวาดล้างร้านค้าที่มีหน้าร้านและทางออนไลน์ โดยหากมีมูลค่าของกลางเกิน 5 แสนบาทขึ้นไปก็จะส่งปปง.ดำเนินการต่อทันที แต่ถ้าเป็นของกลางมูลค่าต่ำกว่า 5 แสนบาท จะมีการสืบทรัพย์และส่งให้ ปปง.ดำเนินการต่อเช่นกัน พร้อมย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายเล็กจะไม่มีการเล็ดลอดแน่นอน
3. การแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยจะเอาต้องมากฏหมายทั้งหมดมาทบทวนดูว่า ส่วนไหนที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับร้านค้าออนไลน์ ได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และตำรวจไซเบอร์ รวมถึงแฟลตฟอร์มต่างๆในการสกัดกั้นการขายออนไลน์ ซึ่งทางกระทรวงดีอี ได้มีการรายงานว่า มีการปิดเว็ปไซด์ที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าไปกว่า 9,000 กว่าเว็บแล้ว
นางสาวจิราพร กล่าวว่า สำหรับภาพรวมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 26 ก.พ.- 12 มี.ค. ยอดคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่ 1,078 คดี ของกลางประมาณ 9 แสนกว่าชิ้น มูลค่าของกลาง 118 ล้านบาทเศษ และจำนวนคดีที่จับได้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกือบจะเทียบเท่ากับการจับกุมตลอดปี 67 แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ นางสาวจิราพร กล่าวว่า จะเน้นการประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทั้งการประชาสัมพันธ์วงกว้าง และเน้นไปที่สถานศึกษาที่มีเด็ก เยาชนและเน้นไปที่ครู ผู้ปกครอง โดยจะมีการจัดกิจกรรมทั้งออนไลน์ และออนไซด์
นางสาวจิราพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยเป็นพิเศษในส่วนของเด็กและเยาชน และนอกจากบุหรี่ไฟฟ้า ยังมีแก๊สหัวเราะที่พุ่งเป้ามาที่เด็กและเยาวชน เป็นสิ่งที่เรากังวล และมีการลักลอบการผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเข้มข้นและกวาดล้างสิ่งผิดกฏหมายเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม นางสาวจิราพร กล่าวว่า จากการเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าได้รับเสียงสะท้อนจากสังคมและในโซเชียล ว่า บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มหาของไม่ได้แล้ว เป็นผลจากการทำงานอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเดินหน้าปราบปรามทั้งรายใหญ่และรายย่อย และเชื่อมั่นว่า ภายใน 30 วัน เรื่องการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าน่าจะดีขึ้น
นอกจากนี้ นางสาวจิราพร กล่าวว่า จะเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการและมีการแสดงผลการทำงานให้ประชาชนสามารถติดตามได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่เน้นให้แจ้งเบาะแสผู้นำเขาและผู้ขาย
ส่วนกรณีปรากฏภาพ สส.ฝ่ายค้าน สูบบุหรี่ไฟฟ้าในสภานั้น นางสาวจิราพร กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวอยู่ในสภา ทางรัฐสภาต้องพิจารณาว่า จะมีการมาตรการอย่างไรที่จะดำเนินการหรือไม่ และสส.ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ซึ่งหากคิดว่า ตัวเองกระทำผิดสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐได้ ด้วยการแจ้งเบาะแสในเรื่องแหล่งที่ซื้อขายได้