xs
xsm
sm
md
lg

กล้าหรือเปล่า! "บังยี" ท้า "สมยศ" ออกสื่อ เอาความจริงมาพูดกัน! ** ยอมเปลี่ยนชื่อ “ทักษิณ” แลกเพิ่มเวลาซักฟอก คอยดูว่าฝ่ายค้าน จะเรียกชื่ออะไรกันบ้าง?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วรวีร์ มะกูดี - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง - ทักษิณ ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ กล้าหรือเปล่า! "บังยี" ท้า "สมยศ" ออกสื่อ เอาความจริงมาพูดกัน!

เป็นประเด็นร้อนต่อเนื่องสำหรับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะ "ยุคอัปยศ" ภายใต้การบริหารของ "พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง"

จาก "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมคนปัจจุบันที่ออกมาแฉ "ขี้" ที่พล.ต.อ.สมยศ ทิ้งไว้ มาถึง "บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฯ ได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “เปิดโต๊ะข่าว” ทาง PPTV ช่อง 36 ส่งสารถึง "อ๊อด" ใครไม่อาย ผมอาย กล้าหรือไม่ เอาหลักฐานต่างๆมาออกสื่อด้วยกัน

วรวีร์ มะกูดี
“บังยี” ติดใจมาก ว่า “พล.ต.อ.สมยศ” กล่าวหาสมัยตัวเองเข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมต่อจาก “บังยี” บังมีกุญแจให้แค่ดอกเดียว!!

งานนี้ “บังยี” ถึงกับ "ขึ้น" เลย บอกว่า สมยศมาว่าผมมีกุญแจดอกเดียวที่สมาคมฟุตบอล แต่ผมมีทั้งหลักฐาน เอกสาร แล้วก็มีภาพในการเซ็นสัญญากับทรูวิชั่น ในสมัยที่เป็นนายกสมาคมฯ สมัยแรก เซ็นสัญญากัน 3 ปี 2557-2559 เป็นยอดเงินถึงปีละ 600 ล้านบาท ซึ่งเวลานั้นถือว่าสูงมาก

นอกจากนี้ “บังยี” ยังแจกแจงสมาคมฯ ช่วงนั้นมีรายได้ค่าสิทธิประโยชน์อีกกว่า 4,200 ล้านบาท

รวมแล้ว 4,800 ล้าน “บังยี”ยืนยันมีหลักฐานทั้งหมด

เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว ว่าแล้ว “บังยี” ก็ท้าทายให้ “พล.ต.อ.สมยศ” มาพูดกันต่อหน้าสื่อ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ถ้า “พล.ต.อ.สมยศ” กล้ามาก็มาตัวต่อตัว “บังยี” ก็จะมานั่งคุยจะได้รู้ต่อหน้าสื่อว่าอะไรเป็นข้อเท็จจริง อะไรเป็นความเท็จ หรือที่พล.ต.อ.สมยศ พูด ไม่มีความเป็นจริง ไม่มีรากฐานของความเป็นจริง ไม่เคยให้เครดิตคนที่เขาทำให้ตัวเองอย่างมหาศาล แล้วก็ไม่สามารถจะบริหารต่อไปด้วย

สรุปว่าสิ่งที่สมาคมฟุตบอลในยุคของ “บังยี” ทำแล้วพอ “พล.ต.อ.สมยศ” เข้ามารับไม้ต่อ ตอนนี้มีแต่ปัญหาทิ้งเอาไว้ให้ "มาดามแป้ง" รับเคราะห์

นี่ก็ต้องติดตามดูว่า “พล.ต.อ.สมยศ” จะรับคำท้า “บังยี” กล้าเผชิญหน้ากางหลักฐานกันออกหรือไม่

ตอนนี้บรรดาชาวโซเชียลฯ ต่างก็เปิดโต๊ะทำนาย “พล.ต.อ.สมยศ” จะกล้าหรือไม่กล้า!!

ถ้า “พล.ต.อ.สมยศ” ไม่กล้ามา ไม่กล้าออกสื่อพร้อม “บังยี” ก็จะไม่มีใดน่าประหลาดใจ เพราะหน้าตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน ไม่มีใครน่าอัปยศอดสู ไปมากกว่านี้แล้ว

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
++ ยอมเปลี่ยนชื่อ “ทักษิณ” แลกเพิ่มเวลาซักฟอก คอยดูว่าฝ่ายค้าน จะเรียกชื่ออะไรกันบ้าง?!

หลังจากมีการตั้งแง่ เล่นเชิงการเมืองกันหลายวัน โดย “ประธานวันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหนังสือด่วนให้ “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทำการแก้ไขญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ“นายกฯอิงค์” แพทองธาร ชินวัตร

ให้ตัดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติ เพราะถือว่าเป็นคนนอก ที่ไม่สามารถเข้ามาชี้แจงในสภาได้หากถูกอภิปรายพาดพิงไปถึง ถ้าไม่ตัด ก็จะไม่บรรจุญัตติเข้าวาระการประชุม ก็ไม่ต้องอภิปรายกัน

แต่ฝ่ายค้าน ยืนกราน “ไม่ตัด” พร้อมยกรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุมมายันว่า ญัตตินั้นถูกต้องแล้ว ประธานสภา ไม่มีอำนาจมาวินิจฉัยให้แก้ตรงนั้น ตรงนี้

สองฝ่ายต่างยันในจุดยืนของตัวเอง แบบไม่ลดราวาศอก จนในโซเชียลฯวิจารณ์ว่า งานนี้ “ดื้อเจอด้าน!!” ดูซิว่าฝ่ายไหนจะถลอกก่อนกัน

ขณะเดียวกัน ตั้งประเด็นว่า หรือจะเป็นการแสดง“ปาหี่” ทำให้ดูขึงขัง สุดท้ายก็มวยล้มต้มคนดู ไม่ได้อภิปราย เพราะเจ้าของพรรคฝ่ายค้าน กับเจ้าของรัฐบาล แอบจับมือนั่งกระดกไวน์ กันอยู่หลังฉาก

เมื่อถูกตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ เมื่อวาน (13 มี.ค.) ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มหันหน้ามาเจรจากัน ผ่านการอภิปรายในเวทีสภา โดย “หัวหน้าเท้ง” แสดงท่าทียอมแก้ญัตติ ไม่ให้มีชื่อ “ทักษิณ” โดยอาจจะใช้คำว่า “พ่อ” หรืออย่างอื่นแทน ไม่ได้ระบุชัด แต่ในการอภิปราย ต้องไม่ถูกขัดขวางจาก “องครักษ์”

ฝ่ายค้านบอกว่า จะไม่อภิปรายให้ผิดข้อบังคับ และไม่กลัวถูกฟ้อง ซึ่ง “ประธานวันนอร์” ก็รับฟัง และยังแนะนำว่า บางครั้งการอภิปราย ไม่ต้องระบุชื่อโดยตรงก็ได้ แค่อ้อมๆ คนก็รู้แล้ว คนประท้วง ก็ประท้วงไม่ได้

ฝ่ายค้าน มีเงื่อนไขในการแก้ญัตติ คือขอเวลาอภิปรายขั้นต่ำ 30 ชั่วโมง

ขณะที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถึงกับเสนอว่า ให้ประธานฯ ทำหนังสือเป้นลายลักษณ์อักษร อนุญาตให้นายกฯ พาพ่อมาชี้แจงด้วยก็ได้ จะได้เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

หลังมีข่าวว่าฝ่ายค้านยอมถอย “นายกฯอิงค์” ก็ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ทันที ว่า อะไรที่ถูกต้อง ตามกฎ ตามหลัก ก็ให้ว่าไปตามนั้น และถ้าจะใช้ “พ่อ”แทนชื่อ ก็ถือว่าแฟร์ดี แต่จะเหมาะหรือไม่เหมาะ เชิญผู้รู้ตอบเลย

ส่วนที่ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปรายไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง ไม่มีปัญหา พร้อมสละเวลาไปนั่งฟัง และใช้เวลาอยู่ที่สภาฯอยู่แล้ว ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้น

ทักษิณ ชินวัตร
เรื่องทำท่าจะลงเอยด้วยดี เพราะสัญญาณจากทาง “ประธานสภา-ฝ่ายค้าน-นายกฯ” เริ่มออกมาในทิศทางที่ รอมชอมกันมากขึ้น
แต่ในการประชุมวิป 3 ฝ่าย คือ ตัวแทนจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และตัวแทนคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนด วัน เวลาอภิปราย กลับตกลงกันไม่ได้

พรรคฝ่ายค้าน ยืนยันว่าจะขอเวลา 30 ชม.ในการอภิปรายเฉพาะในส่วนของฝ่ายค้าน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล บอกว่าให้ฝ่ายค้านได้แค่ 20 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลขอ10 ชั่วโมงในการชี้แจง รวมเวลาในการอภิปรายและชี้แจง 30 ชั่วโมง โดยจะเปิดให้มีการอภิปราย ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค. และ ลงมติในวันที่ 26 มี.ค.

เมื่อยังตกลงกันไม่ได้ วิปทั้ง 3 ฝ่าย ก็ให้แต่ละฝ่ายกลับไปคุยกันเองก่อน แล้วนัดมาหาข้อสรุปกันอีกครั้ง วันที่ 19 มี.ค.นี้
มีอีกเรื่องที่ยังต้องติดตามก็ต่อไปก็คือ ถ้าฝ่ายค้านยอมถอนชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว จะใช้คำว่าอะไรแทน “ทักษิณ”

ชาวโซเชียลฯ ไม่รอดูญัตติตัวจริง ว่าฝ่ายค้านจะใช้คำอะไรมาแทน และเมื่อถึงเวลาอภิปราย ผู้อภิปรายจะใช้ชื่ออะไร เพื่อให้รู้ว่าเป็น“ทักษิณ”

มีการยกตัวอย่างมาให้เลือกกัน อย่างเช่น... “ชายคนนั้น” ... “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร”... “พ่อหรือบิดา”... “นักโทษเทวดา” ...“โทนี่ วู้ดซั่ม”... “สทร. (เสือกทุกเรื่อง)”

ปรากฏว่า ชื่อหลังสุดนี้ ถูกใจชาวเชียลฯ มากกว่าชื่ออื่น เพราะทันสมัย เข้ากับคน Gen Y เข้ากับเหตุการณ์ พูดปุ๊บ รู้เลยว่าเป็นใคร และก็น่าจะถูกใจเจ้าตัวด้วย เพราะเห็นพูดว่าตัวเอง สทร. บ่อยๆ

ก็ลองติดตามดู ว่าฝ่ายค้านจะใช้ชื่อ สทร. แทนชื่อ ทักษิณ ในญัตติที่แก้ไขใหม่นี้ เพื่อเอาใจชาวโซเชียลฯ หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น