xs
xsm
sm
md
lg

ขึงพืด“ทักษิณ” ตั้งแต่ไม่เริ่มซักฟอก !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าผลการหารือกันระหว่างฝ่ายค้าน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม จะออกมาแบบมีการปรับแก้ไขถ้อยคำ โดยหลีกเลี่ยงชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร ลงไปในญัตติซักฟอกของฝ่ายค้าน ซึ่งฝ่ายค้าน คือพรรคประชาชน ก็ยอมถอย และต่อรองเพิ่มเวลาการอภิปรายจากเดิมที่ฝ่ายรัฐบาลกำหนดให้อภิปรายได้เพียงแค่ หนึ่งวันเท่านั้น

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการหารือเรื่องญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร่วมกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ว่า วันนี้ได้ข้อสรุปในที่ประชุม ซึ่งยืนยันว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ถือเป็นความก้าวหน้าที่ดีในการพูดคุยระหว่างกัน
สำหรับการปรับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น อย่างไรก็ต้องมีการปรับคำ ตามที่มีการหารือในห้องประชุมสภา และตามที่ประธานสภายอมบรรจุญัตติ แต่ในรายละเอียดว่า จะมีการปรับคำอย่างไร คงต้องมีการเจรจาพูดคุยในเรื่องกรอบเวลาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย จึงต้องรอการประชุมร่วมกับคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ฝั่งรัฐบาลอีกครั้ง

“พรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันว่า ควรได้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง ซึ่งก็ต้องรอดูว่าฝั่งรัฐบาลจะใช้เวลาในการชี้แจงเท่าไหร่ ในวงการประชุมเมื่อครู่ เรายืนยันว่า อย่างน้อยถ้าจะให้มีการปรับคำ เพื่อให้กระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเดินหน้าต่อได้ ทุกคนเห็นภาพตรงกันว่า ควรจะให้เวลาฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมที่สุด”
ผู้นำฝ่ายค้านระบุว่า ที่ผ่านมา ประธานสภาเห็นด้วยกับข้อเสนอว่า หากจะให้ฝ่ายค้านปรับคำ ก็ต้องให้เวลาฝ่ายค้านขั้นต่ำ 30 ชั่วโมง และเชื่อมั่นว่า ระยะเวลาที่ได้รับ หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดี ก็จะเป็นผลดีกับฝ่ายค้านเอง จึงเชื่อว่าฝั่งวิปรัฐบาลก็น่าจะยอมรับ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถไปตอบแทนได้

“เราไม่ได้เสียหลักการ แค่ปรับคำเล็กน้อย เราพร้อมเดินหน้าต่อ เพราะเนื้อหาของการอภิปรายที่จะพาดพิงถึงบุคคลภายนอกนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยการอภิปรายนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ต้องมีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในญัตติ ก็มีการเขียนชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรี ยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาชี้นำ ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่ว่าเราจะพาดพิงถึงบุคคลใดก็ตาม ตามกรอบญัตติเราจะอภิปรายนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว”

เมื่อฟังจากผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน พูดแบบนี้ แม้ว่ายังต้องรอหารือกับฝ่ายวิปรัฐบาลอีกครั้ง แต่ก็พอเดาทางล่วงหน้าแล้วว่า คงต้องมีการปรับถ้อยคำโดยเลี่ยงพูดถึงชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แน่นอน และจะมีการต่อรองเพิ่มเวลาการอภิปรายให้มากขึ้น จากเดิมที่กำหนดเอาไว้แค่วันเดียว
ส่วนท่าทีของฝ่ายรัฐบาล ก็ดูเหมือนว่าจะยอมโอนอ่อน หากฝ่ายค้านยอมเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในญัตติซักฟอก โดยเลี่ยงไม่พูดถึงชื่อ นายทักษิณ โดยตรง
โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้ข่าวว่า วิป 3 ฝ่ายจะมาคุยกัน และไปคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ดีแล้ว เป็นกระบวนการที่ควรจะเป็นแบบนั้น เพราะวิปทุกฝ่ายเกี่ยวข้องทั้งหมด

“จริงๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มันเปิดช่องให้ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ถ้าเป็นการอภิปรายที่สร้างสรรค์ เป็นการอภิปรายที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ใช่เกมการเมือง แต่ถ้าเป็นเกมการเมือง เขาป้องกันไม่ให้ไปพูดถึงคนอื่น แตะเขานู่นนี่ พูดให้เขาเสียหาย มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะมาตอบ คนอื่นจะไปตอบแทนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร อันนี้ต่างหากคือ กฎหมายที่บอกว่าคุณอภิปรายคนนอกไม่ได้ เพราะคุณอภิปรายและเขาไม่มีสิทธิแก้ไข เท่านั้นเอง ผมว่าเป็นไปตามระบบระเบียบที่มันเป็นอยู่ก็แก้ปัญหาได้แล้ว ถ้าไม่คิดเรื่องเกมการเมืองนะ ผมว่าอย่าคิดเลยเรื่องเกมการเมือง ประเทศบอบช้ำมานานแล้ว ให้เป็นเรื่องของวิป 3 ฝ่ายกับประธานสภาหาคำตอบร่วมกัน เราพร้อม” นายภูมิธรรม กล่าว
ดังนั้น หากให้ประเมินกันล่วงหน้าสำหรับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยพุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว โดยฝ่ายค้านจะเลี่ยงไม่เอ่ยชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร แต่จะไปใช้คำอื่นแทน ขณะเดียวกันจะมีการต่อรองขอเพิ่มเวลาการอภิปราย ซึ่งน่าจะประมาณ 2 วัน หรือตามข่าวบอกว่า 30 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเพียงแท็กติกในการต่อรอง เล่นเกมซึ่งกันและกัน ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งดูแล้วมันก็น่ารำคาญด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ

แต่หากพิจารณากันถึงการ “ซักฟอก” ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ หากไม่มีรายการ “ปาหี่” อย่างที่มีการจับตากัน ระหว่าง “เจ้าของพรรค” ทั้งของพรรคประชาชน กับพรรคเพื่อไทย เพราะหากเอาจริงเอาจังกันจริง รับรองว่า ฝ่ายที่จะ “หนาว” มากที่สุดก็คือ นายทักษิณ นั่นแหละ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็น “กล่องดวงใจ” ของ พ่อนั่นเอง
อีกทั้งเมื่อพิจารณากันตามศักยภาพที่แท้จริง ของ น.ส.แพทองธาร หลังจากขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในรอบ 6-7 เดือนที่ผ่านมา จากฉายา “นางโพย” หรือ นายกไอแพด ย่อมสะท้อนให้เห็นภาพได้ดีว่าน่าเป็นห่วงในการชี้แจงตอบข้อสงสัยในสภาของฝ่ายค้านได้อย่างไร และอย่าได้แปลกใจ ที่ต้องมีการขัดขวางกันทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดเวลาการอภิปรายให้เหลือน้อยที่สุด รวมไปถึงการตั้ง “องครักษ์” ขึ้นมาเป็นทีมใหญ่เอาคอยช่วยเหลือในทุกขั้นตอน

ขณะเดียวกันเมื่อหันมาทาง นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของนายกฯบ้าง นาทีนี้ถือว่า “หนักหนา” ไม่เบาเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะมีการเขียนชื่อเอาไว้ในญัตติหรือไม่ก็ตาม แต่ชาวบ้านก็ย่อมรับรู้อยู่แล้วว่า เขาคือ “เป้าหมายหลัก” เพราะทุกก็รับรู้อยู่แล้วว่า “เสือกทุกเรื่อง” และการแสดงออกที่ผ่านมาก็ชัดเจน ไม่มีการอ้อมค้อม ดังนั้น ไม่ว่าความล้มเหลว หรือประสบความสำเร็จล้วน ต้องมาจาก นายทักษิณ ทั้งสิ้น

ดังนั้น ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ตรงๆ หรือไม่ หรือว่า จะเลี่ยงไปใช้คำว่า “คนนั้น” หรือ “พ่อ” หรือชื่ออะไรก็ตาม ความหมายก็ย่อมหมายถึงเขาอยู่ดี อีกทั้งทุกอย่างในรัฐบาลย่อมมีที่มาที่ไปจากเขา และแม้ว่าจะไม่ระบุชื่อ แต่ความหมายย่อมชัดอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน หากฝ่ายค้านไม่กล่าวถึงเขาก็ย่อมถูกสังคมตำหนิ เพราะสงสัยเรื่อง “ดีลลับ” ย่อมเสียหาย อย่างไรก็ดีหากโฟกัสเฉพาะ นายทักษิณนาทีนี้ถือว่าเขา “ถูกสังคมขึงพืด” แบบ ล่อนจ้อน กลางตลาดตั้งแต่ก่อนถึงวันอภิปรายแล้ว และจะโดนหนักขึ้นเรื่อยๆ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น