ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “สมยศ”จะชี้แจงกี่โมง? "ทนายจุ๊กกรู" สนมั้ย ค่าจ้างว่าความอาจได้จุกๆ
เรื่องจริงไม่ดรามาหลังจาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยเรื่องแนวทางปฏิบัติหลังศาลฎีกาสั่งให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องชดใช้ค่าเสียหายกับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) 360 ล้านบาท แฟนบอลและประชาชนทั่วไปเลยได้ทราบเรื่องอันตื่นตะลึงในสมาคมฟุตบอล ภายใต้การบริหารงานในสมัย “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อีกหลายเรื่อง
แต่ละเรื่อง คือ “ขี้” ที่ทิ้งเอาไว้ให้คนเข้ามาบริหารงานต่อ ถ้าไม่ใช่ “มาดามแป้ง” ที่ใจเหล็ก คงถอดใจ
ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน 132 ล้านบาท , สัญญากับ “แพลนบี” ล่วงหน้าไปแล้วถึง 8 ปี , ขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก1, ไทยลีก 2 และไทยลีก 3 ไปต่างประเทศ และ ขาย Data Analytics และ Betting Live ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกของการแข่งขัน ให้กับเว็บของมาเลเซีย โดยมีสัญญาผูกมัด ถึงปี 2571
ทั้งหลายเหล่านี้เป็นช่วงที่ “พล.ต.อ.สมยศ” บริหารโดยที่ไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการในระยะยาวของสมาคมฯ แค่ไหน
ท่าทีของ “มาดามแป้ง” ชัดเจนว่า เมื่อปัญหามีก็ต้องแก้ไข ก็ต้องนับถือหัวจิตหัวใจของผู้หญิงคนนี้
ขณะที่แนวทางที่จะฟ้องไล่เบี้ยกับผู้ที่ทำให้เสียหายแพ้คดี สยามสปอร์ต และจัดการกับเรื่องที่ตรวจสอบพบความไม่ปกติ เช่น การจ่ายค่าทนาย 30 ล้านบาท! ได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนบอลและประชาชนที่ชมการแถลงข่าวผ่านไลฟ์สด กันล้นหลาม
แน่นอนว่า ตอนนี้สปอตไลต์ ส่องไปที่ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร
มีรายงานว่า ทีมข่าวกีฬาเดลินิวส์ โทรฯ สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สมยศ โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ตนไม่ได้ดูการไลฟ์แถลงข่าวจาก “มาดามแป้ง” แต่ก็มาทราบข่าวภายหลัง โดยประเด็นที่ มาดามแป้ง แถลงและพาดพิงมาถึงตนเอง กำลังรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมลำดับเหตุการณ์ ก่อนจะมีการชี้แจงเป็นข้อๆ ต่อไป
คำถามตามมาว่า “พล.ต.อ.สมยศ” จะใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานมั้ย จะชี้แจงได้กี่โมง? เพราะที่ “มาดามแป้ง”แจกแจงเป็นข้อๆ มีเยอะเหลือเกิน
งานนี้ถ้า “พล.ต.อ.สมยศ” ยังไม่มีทนายให้คำปรึกษาข้อกฎหมาย หรือ ว่าความให้ ก็อยากจะแนะนำ “ทนายจุ๊กกรู” กูรูโซเชียลฯ ที่ชอบอาสาคลายทุกข์ให้ผู้คน ชื่นชอบแสดงความเห็นทางกฎหมายกับข่าวที่กำลังโด่งดังเสมอๆ
กลับกัน หากทนายโซเชียลฯเอง เมื่อทราบข่าวนี้แล้วจะสนใจรับงานมั้ย ลองต่อสาย หาบิ๊กอ๊อด อาสาคลายทุกข์ให้อดีตนายกฯ หน่อยปะไร เผลอๆ อาจจะได้ค่าจ้างแบบจุกๆ เหมือนที่สมาคมฯเคยจ้างทนาย 30 ล้านนะเออ...จุ๊กกรู!
++ “ไอซ์ รักชนก” อภิปรายนอกสภา ถล่ม “เสี่ยเฮ้ง” ละเลงเงินประกันสังคม!
ถือว่าเป็นมวยคู่ก่อนเวลา ก่อนเข้ารายการใหญ่ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เรียกเสียงฮือฮา จากแฟนๆได้มากโข
ก็เรื่องที่ “สส.ไอซ์” รักชนก ศรีนอก ตัวตึงค่ายสีส้ม พรรคประชาชน ออกมาลากไส้ ตีแผ่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของ สำนักงานประกันสังคม ที่ไปทำอีลุ่ยฉุยแฉก งุบงิบเข้ากระเป๋าพวกพ้อง นักการเมือง... สร้างความโกรธเกรี้ยวให้กับคนทำงาน ที่ไม่ใช่ข้าราชการอยู่ตอนนี้
“สส.ไอซ์” ทิ่มหมัดตรงเข้าใส่ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ อดีต รมว.แรงงาน ที่ดูแลสำนักงานประกันสังคม
กางข้อมูล เรื่องเอาเงินกองทุนประกันสังคม ไปซื้ออาคาร SKYY9 Centre ย่านพระราม 9 เอาไว้ให้เช่า ด้วยราคา 7 พันล้านบาท ทั้งที่มูลค่าจริงเพียงแค่ 3 พันล้านบาท เท่านั้น
แล้วยังเชื่อมโยงให้เห็นว่า ตึก 7 พันล้านนั้น เป็นของลูกนักการเมืองใหญ่ “ส.” อดีตรัฐมนตรี พรรคเดียวกับที่ “เสี่ยเฮ้ง” สังกัดอยู่ ในช่วงที่เป็น รมว.แรงงาน แถมยังบอกใบ้ว่า เป็นคนที่ “เบี้ยวไม่จ่ายค่าตัวหญิงบริการ” นั่นแหละ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ปกติการลงทุนของ คณะกรรมการบริหารกองทุนประกันสังคม จะเป็นหุ้นในกลุ่มหุ้น 'บลูชิพ’ หรือหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด ที่อัตราการจ่ายปันผลที่ดี แต่นี่ดันเอาเงินตั้ง 7 พันล้านไปซื้อตึก ทั้งที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงนำมาซึ่งข้อสงสัยว่า
อย่างนี้ ถือว่าลงทุนผิดพลาด หรือ เป็นการจงใจเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องกันแน่!!
เมื่อตกเป็นเป้า “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ก็ออกมาชี้แจงว่า
“... การซื้อตึก ซื้ออะไร รัฐมนตรีรู้ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ารู้ก็จะมีปัญหา ผิดกฎหมาย และตนเองก็ไม่ได้อยู่ในบอร์ด บอร์ดนั้นมีผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขาอาชีพ พูดด้วยความสัตย์จริง ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของตึก รู้อย่างเดียวว่าเขาลงทุนไปแล้ว ผลตอบแทนได้เท่าไหร่ ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ประกันสังคมหรือไม่...”
“เสี่ยเฮ้ง” ยังโพสต์เฟซบุ๊ก จั่วหัวถึง.. “ไอซ์ รักชนก” ว่า เล่นการเมืองสกปรก!
…มันง่ายที่คุณว่าคนนั้น คนนี้ โดยไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้สังคมตีความไป ทุกวันนี้มีใครครับ ที่ออกมาประกาศดังๆๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูด อย่าสนุกกับการวิพากษ์คนอื่น เมื่อไหร่ที่มันยังไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณจะคิดว่า ทำไมจะทำไม่ได้ หรือ อะไรต่างๆ นานา
สิ่งที่ผมสร้างมา ทั้งการงาน ครอบครัว ผมใช้เวลามาทั้งชีวิต ผมไม่เคยเห็นด้วย และไปกระทำกับใคร อย่ารอให้ปัญหาแบบนี้มาถึงตัวพวกคุณเลยครับ ทุกคนทำงาน มีสิ่งที่ต้องแลกมาทั้งนั้น เวลา สุขภาพ ผมตระหนักดี ช่วงเวลาที่ผมทำหน้าที่ สิ่งที่ผมภูมิใจ คือ แม้จะเป็นวิกฤต ที่ไม่มีใคร แม้แต่ตัวผม ที่ไม่อยากให้เกิด คือ Covid-19 แต่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการวางนโยบาย ช่วยพี่น้องแรงงาน ตรวจคัดกรอง ประสานขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำเข้าครม. โดยท่านนายกรัฐมนตรี เห็นชอบ และถูกใจ ผู้นำแรงงาน รวมถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงาน จนทำให้เกิด Factory Sandbox เกิดการยับยั้งการแพร่กระจายในโรงงาน ส่งออกเติบโตในรอบ 30 ปี”
ในโพสต์ได้ทิ้งท้ายว่า... เข้าใจครับ #คนไม่รัก #ยังไงก็ไม่รัก แต่ขอแค่ให้ท่านมองไปหลายๆ ทาง อย่ามองอะไรแค่ที่เขาหยิบใส่ให้เราทราบ ความจริงก็คือความจริง อย่าบิดเบือน โดยการเมืองแบบ "สกปรก" พอตัวคุณโดนบ้าง ก็อ้างกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรมทั้งที่ "ความจริง ก็คือความจริง"!!
“เสี่ยเฮ้ง” เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับสำนักงานประกันสังคมที่คนกำลังอยากรู้ แต่ไปพูดถึงเรื่องช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน ในช่วงโควิดแทน ....
นอกจากจะกร่อยแล้ว คนทั่วไปยังเห็นว่าไม่กล้าเผชิญความจริง
ด้าน “ไอซ์ รักชนก” เมื่อถูกว่าเล่นการเมืองสกปรก ก็สวนกลับ “เสี่ยเฮ้ง” ไปอีกดอก ว่า เรื่องนี้คงต้องให้ประชาชนตัดสินว่า ใครกันแน่ ที่เล่นการเมืองสกปรก
...ตนเองเป็น สส.สมัยแรก เรียกร้องให้มีการเปิดเผยทุกอย่างอย่างโปร่งใส ทั้งเรื่องงบประมาณ และกองทุนประกันสังคม เชื่อว่าประชาชนตัดสินใจได้ว่า ตนเองทำการเมืองแบบไหน กับอีกท่านหนึ่งที่เป็นรัฐมนตรีมาหนึ่งสมัยเต็มๆ ที่ผ่านมาบริหารกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะกองทุนประกันสังคม ให้อยู่ในเงาดำมืด ที่ตนเองต้องมาขุดคุ้ยสิ่งต่างๆ ไม่ใช่เพราะรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานท่านเก่าหรือ ที่เอาผ้าดำมาคลุมสำนักงานประกันสังคม เราถึงต้องมาถลกออก จึงให้ผู้ประกันตน ประชาชน เป็นคนตัดสินว่า ใครเล่นการเมืองสกปรก หาประโยชน์จากผู้ประกันตน...
เมื่อเกิดการตอบโต้ไปมาของทั้งสองฝ่าย และเกิดกระแสความไม่พอใจของกลุ่มผู้ประกันตน ทำให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ต้องออกมาลดความร้อนแรงของกระแส ด้วยการตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม โดยมี “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์” ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ
ก็ต้องติดตามกันว่า ผลสอบจากคณะกรรมการชุดนี้ จะมีข้อสรุปอย่างไร
และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าผลสอบ ก็คือ สำนักงานประกันสังคม จะทำอย่างไรจึงจะเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนผู้ประกันตน ให้กลับมาได้ เพราะตอนนี้ทั้งศรัทธาเสื่อมทรุด ทั้งไม่มีความไว้วางใจ!!