รองโฆษกพรรคส้ม ฟาดสถานีข่าวช่องดัง หวังเรตติ้งจนลืมหมวก “สื่อมวลชน” จำลองเหตุการณ์ฆ่าตัวตาย “ผู้กำกับโจ้” กลางรายการเล่าข่าว จี้ กสทช. แสดงบทบาทด่วนที่สุด ซัด เรตติ้งสูง จนไม่แคร์ค่าปรับ
วันนี้ (12 มี.ค.) นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน ทวีตข้อความผ่าน x ถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง จำลองเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของผู้กำกับโจ้กลางรายการ ว่า ในขณะที่แวดวงสื่อกำลังโดน disturb การดิ้นรนเอาตัวรอดในธุรกิจเกิดขึ้นถ้วนหน้า มีคนจำนวนไม่น้อยในแวดวงสื่อสารมวลชนพยายามสู้ด้วยการใช้หลักวิชาชีพ สู้ด้วยเนื้องาน เพื่อยืนยันว่า ในประเทศที่กำลังเปลี่ยนผ่าน วิชาชีพสื่อมวลชนยังจำเป็น และเป็นกลไกหนึ่งเพื่อพัฒนาสังคม ในอดีตสื่อมวลชนมีพลังมากพอในการตรวจสอบรัฐบาล และเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ครูบาอาจารย์ที่ยังยืนยันต่อสู้และเป็นเสาหลักในแวดวงสื่อสารมวลชนต่อไป
ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า สื่อมวลชน แต่อยู่รอดใช้วิธีการดำรงวิชาชีพด้วยแสงและเอนเกจเมนต์ โดยลืมไปว่า หมวกสื่อมวลชนที่สวมใส่ต้องรักษาไว้ ซึ่งการยกระดับสังคม ไปพร้อมกับการนำเสนอข้อเท็จจริงโดยไม่ชี้นำและตัดสิน ซึ่งหากคุณจะยืนยันว่าวิธีการนี้ทำให้คุณอยู่รอดและได้ดอกผลกำไร ก็ควรถอดหมวก “สื่อมวลชน” แน่นอนว่า การเรียกร้องในหลักการวิชาชีพต้องอาศัยความเข้มแข็งจากภายในเป็นสำคัญ
หวังว่า พี่น้องสื่อมวลชนที่ยังต้องการรักษาศักดิ์และศรีของตนเองจะช่วยกันวางมาตรฐานและย้ำเตือน “หน้าที่ของตนเอง” เสรีภาพสื่อมวลชนต้องมาพร้อมความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกด้านนึงคงต้องเรียกร้อง กสทช.ให้มีการกำกับดูแลอย่างเร่งด่วน กรณีดังกล่าวผิด พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรทัศน์ ม.37 ชัดเจน ดังนั้น กสทช.ต้องแสดงบทบาทต่อกรณีนี้โดยด่วนที่สุด
แต่ช่องว่างของกฎหมายปัจจุบันเป็นไปเพื่อกำกับดูแลโดยกำหนดบทลงโทษ คือ ปรับ ดังนั้น รายการขยี้ข่าวที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ที่เรตติ้งสูง ไม่แคร์อยู่แล้วยินดีจะจ่ายค่าปรับที่น้อยมากๆ เมื่อแลกกับเรตติ้งที่พ่วงมาด้วยผลกำไรมหาศาล
ปัญหาช่องโหว่ที่พบอีกอย่างนึง คือ รายการทางสถานีโทรทัศน์ เลี่ยงวิธีไปจัดรายการทางออนไลน์แทน มีเนื้อหารุนแรงมีเยอะขึ้นซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรทัศน์ไม่ครอบคลุมแพลตฟอร์มออนไลน์ ฝากกสทช. หาแนวทางในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค