เมืองไทย 360 องศา
พลิกเป็นรายวันสำหรับนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เมื่อวานพูดอย่างมาวันนี้เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อม ล่าสุดการ “แจกเงินวัยรุ่น” ในโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่กำหนดจะแจกให้กับกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 16-20 ปี จำนวนราว 2.7 ล้านคน กลับต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีก จากเดิมที่เคยบอกว่าสามารถนำมาจ่ายค่าเทอม จ่ายค่าโทรศัพท์มือถือได้ มาวันนี้เปลี่ยนใหม่ เป็นห้ามนำมาจ่ายในกรณีดังกล่าวอ้างว่าเป็นสินค้าบริการ ไม่ร่วมรายการ ต้องใช้จ่ายสำหรับสินอุปโภคบริโภคเท่านั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง เงื่อนไขการใช้เงิน ดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท เฟส 3 ในกลุ่มอายุ 16-20 ปี ว่า ค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าน้ำ-ค่าไฟ หรือค่าบริการต่างๆ ถือเป็นค่าบริการ ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ ยืนยันว่าไม่สามารถใช้ได้ โดยให้คิดง่ายๆ ว่า เงินต้องเอาไปแลกสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภค จะไปใช้บริการไม่ได้ ดังนั้น ค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ ถือว่าเป็นค่าบริการ จึงไม่สามารถใช้ได้
สำหรับร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ประมาณ 8 กลุ่ม เช่น ร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้านขายสุรา ร้านขายบุหรี่ สถานีน้ำมัน เป็นต้น แต่ร้านค้าในสถานีน้ำมัน สามารถใช้บริการได้
ส่วนจะมีการควบคุม การขายเหล้าและบุหรี่อย่างไร ในเมื่อไม่มี Negative List ไว้ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การไม่มี Negative List เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ ที่จะทำให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดได้ดี สะดวกในการจับจ่ายใช้สอย ประชาชนจะสามารถรู้ได้ว่า ร้านไหนซื้อของได้ ร้านไหนซื้อของไม่ได้ ทั้งนี้ในตัวระบบหากเจาะไปตามรายสินค้า การบริหารจัดการจะยากมาก และจะทำให้เกิดความสับสน
ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการและขั้นตอนการเบิกเงิน ว่า สิ่งที่เปลี่ยนคือ ร้านค้าที่อยู่ในรอบที่ 2 สามารถไปขึ้น cash out ไม่ว่าจะอยู่ในระบบภาษี หรือไม่อยู่ในระบบภาษีก็ตาม ซึ่งจะทำให้ง่ายขึ้น เพราะมีการรับฟังจากร้านค้าในรอบที่ 2 ระบุว่า cash out ในระบบภาษี เงินจะหมุนเข้าร้านใหญ่อย่างเดียว จึงมีการเปลี่ยนแปลงให้ร้านเล็กสามารถ cash out ได้
“ลองคิดภาพง่ายๆ เมื่อไปซื้อร้านหมูปิ้ง ต่อที่ 1 ร้านหมูปิ้งยังไม่สามารถไป cash out ได้ ร้านหมูปิ้ง เอาเงินไปซื้อร้านผักข้างๆ ถึงแม้ว่าร้านผักข้างๆ จะไม่ได้อยู่ในระบบภาษี ก็สามารถมา cash out ได้แล้ว เพราะถือเป็นเงินหมุนในรอบที่สอง” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้แถลงผลการประชุมและตอบคำถามสื่อมวลชนโดยระบุว่า เงิน 10,000 บาท เฟส 3 สามารถจ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ-ค่าไฟได้
การเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า การคิดนโยบายของรัฐบาลไม่เคยรอบคอบ ลักษณะไม่ต่างจาก “คิดไปแจกไป” ไม่ได้วางแผนให้ตกผลึกเสียก่อน เหมือนกับข้ออ้างในการแจกเงินให้กับ “วัยรุ่น” อายุตั้งแต่ 16-20 ปี ครั้งนี้ ที่มีทั้งจุดอ่อน และคำถามมากมาย เช่น ทำไมไม่แจกให้ครอบคลุมคนวัยทำงาน ทั้งประเภทเสียภาษี และมีภาระดูแลครอบครัว แต่กลับแจกให้กับบวัยรุ่น ที่ยังเรียนหนังสือ และยังอยู่กับพ่อแม่ผู้ปกครอง
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอ้างเรื่องเทคโนโลยีว่าเด็กในวัยนี้มีการรับรู้ตอบสนองได้ดี สามารถรองรับ “ดิจิทัล” สอดรับกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ได้ดี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร ถึงกับกล่าวว่า นี่คือการแจกเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต” เฟสแรกของจริง เพราะไม่ใช่การแจกแบบเงินสด เหมือนกับครั้งก่อนๆ
อย่างไรก็ดี การแจกเงินดิจิทัลฯ คราวนี้ได้รับเสียงวิจารณ์เช่นเคย เช่น ระบุว่าไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทั้งจำนวนเงินที่น้อยมาก เพียงแค่ไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น คงไม่อาจกระตุ้นอะไรได้ แต่เหตุผลที่แท้จริง ก็เป็นเพียงเหตุผลทางการเมืองนั่นคือการ “ซื้อเสียงล่วงหน้า” กับเด็กวัยรุ่น ทั้งที่จะมีการใช้สิทธิ์ครั้งแรกในการเลือกตั้งครั้งหน้า และแย่งคะแนนเสียงมาจากพรรค “สีส้ม” เท่านั้นเอง
เพราะแม้แต่การแจกเงินในเฟสแรก และเฟสที่สอง ในกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงอายุ รวมแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท ก็ยังไม่ส่งผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คุ้มค่าเลย ที่บอกว่าเป็น “ปั๊มหัวใจ” หรือแบบ “พายุหมุน” ทางเศรษฐกิจนั้น ถือว่ายังห่างไกล จนมีเสียงเยาะเย้ยกลับมาว่าเป็นแค่ “หย่อมความกดอากาศต่ำ” กระปริบ กระปรอย เท่านั้น
นอกจากนี้ เสียงวิจารณ์ในเรื่อง “ไม่ตรงปก” ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ว่าในช่วงตอนหาเสียง จะใช้วิธีบริหารจัดการเรื่องงบประมาณสามารถหาเงินมาใช้ในโครงการได้ไม่ยาก แต่เอาเข้าจริงก็ต้องใช้วิธีจัดสรรงบประมาณประจำปี งบกลางมาใช้แจก เพราะจะไปกู้มา ก็กลัวว่าจะผิดกฎหมายวินัยการคลัง เสี่ยงต่อการถูกถอดถอนทั้งคณะอีก
เมื่อวกกลับมาที่การแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ที่แม้ว่าจะเรียกว่า แจกเงินดิจิทัลฯ งวดแรก หรือว่า “งวดที่สาม” ก็ตาม แต่สำหรับงวดต่อไปนั้น นาทีนี้ถือว่า “ยังไม่แน่นอน” เพราะจนถึงบัดนี้ยัง “ไม่มีเงิน” อยู่ในกระเป๋าของรัฐบาลเลย แม้ว่า นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะย้ำว่า ทุกกลุ่มจะได้รับเงินดิจิตอล วอเล็ต โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ และการเลือกกลุ่มแรกมาก่อน เป็นเรื่องของเทคโนโลยี
“บางคนอาจจะพูดว่า ทำไมไม่ให้เงินสดเหมือนเดิม แต่เป็นนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นพื้นฐานของที่มาคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ สุดท้ายต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย และเข้าไปสู่เทคโนโลยีด้วย นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้งแล้ว”
ดังนั้น แม้ว่าจะมีการยืนยันว่าทุกกลุ่มจะได้รับแจกเงินหมื่น แน่นอน แต่ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้เลย เพราะสิ่งที่รับรู้กันก็คือ “เงินยังไม่มี” นั่นเอง เหมือนกับว่า “คิดไปแจกไป” ไปตายเอาดาบหน้า อะไรประมาณนั้น เหมือนกับการแจกในเฟสที่สี่ ที่ยังไม่ประกาศออกมาว่าจะแจกได้ตอนไหน กลุ่มอายุเท่าไหร่ แต่มีการคาดการณ์กันว่า น่าจะเป็นหลังวันที่ 1 ตุลาคม เพราะต้องรองบประมาณใหม่ นั่นเอง!!