ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ปิดตำนาน "จิ้งเขียว" ยันตระ=ผู้ไกลกิเลส แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม!
“ พระพยอม กัลป์ยาโณ” เคยกล่าวถึงอดีตพระยันตระ ว่า "ต้องยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา อดีตพระยันตระ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถึงกับขนาดมีคนที่เตรียมของใส่บาตร รอวนใส่บาตรเป็นรอบที่สอง ที่สาม เพราะใครๆก็อยากเห็นอยากเจอตัวพระที่รูปหล่อ เสียงเพราะ พูดภาษาอังกฤษได้ จนวัดแทบแตก"
วันนี้เรื่องราวของ “อดีตพระยันตระ” หรือ “นายวินัย ละอองสุวรรณ” กลับมาเป็นประเด็นให้พูดถึงในสังคมอีกครั้งหลังข่าวการเสียชีวิตที่อเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ด้วยวัย 73 ปี
ราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ อดีตพระยันตระ เพิ่งจะมีข่าวบินกลับมาไทยโดยมีลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือเดินทางให้มาต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็มีภาพการทำกิจวัตร เดินทางไปรับประทานอาหาร และพบปะลูกศิษย์ที่บ้านพักของลูกศิษย์หลายๆ คน ซึ่งก็มีคนเข้ามาพบจำนวนมาก และยังมีคลิปวิดีโอที่อดีตพระยันตระ เดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือ “พระเขี้ยวแก้ว” ที่ท้องสนามหลวงด้วย
เรื่องของ “อดีตพระยันตระ” นอกจากจะโด่งดังอยู่ในฐานะพระสงฆ์รูป
าม พูดจาไพเราะ จนมีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมากนานนับ 20 ปี ด้วยเหตุปัจจัยดังที่ พระพะยอม อธิบาย
พอมาถึงปี 2537 ชื่อของ “พระอาจารย์ยันตระ อมโร” ขณะนั้นก็โด่งดังขึ้นไปอีก ระดับเป็นปรากฏการณ์ ที่ทำให้คนทั้งประเทศรู้จัก แต่คราวนี้ไม่ใช่เรื่องดีงาม หากมีเรื่องฉาวโฉ่ เกิดขึ้น
ปีนั้น อดีตพระยันตระถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่า ล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ ซึ่ง ตามพระวินัย เมื่อภิกษุล่วงละเมิดแม้เพียงข้อใดข้อหนึ่งต้องขาดจากความเป็นภิกษุทันที บวชเป็นภิกษุอีกไม่ได้
นี่มีที่มาจาก กรณีที่ “ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร” พาแม่ชี “แก้วตา หม่องจินดา” ร้องเรียนอธิบดีกรมการศาสนาในขณะนั้นว่าถูกพระยันตระเสพเมถุน และ ยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับสีกาชาวต่างประเทศ คือ “น.ส.อีวา คาลเดน” นักดนตรีชาวเดนมาร์ก และ “น.ส.ซูซาน วอร์นิเก้” นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน
เนื่องจากข้อกล่าวหาขัดแย้งตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ที่เป็นอยู่ของ “อดีตพระยันตระ” จึงมีลูกศิษย์หลายคนไม่เชื่อ บ้างก็ว่าเป็น “แผนนารีพิฆาต” เพื่อทำลายชื่อเสียงของพระ
แต่หลังจากนั้นก็มีหลักฐานถูกเปิดโปงมาเรื่อยๆ จนถึงกรณี “นางจันทิมา หรือ เทียมจันทร์ มายะรังสี” ที่ระบุว่า มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตยันตระ ถึงขั้นมีบุตรสาว ด้วยกัน
รวมทั้งหลักฐานทางการเงิน สลิปบัตรเครดิตในการท่องเที่ยวอาบอบนวด ไดมอนด์เอสคอร์ต ที่ นิวซีแลนด์ ด้วยบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส ที่ญาติโยมถวายให้เพื่อใช้เผยแผ่ธรรมะ แต่กลับเอามาใช้บำบัดกิเลสตัณหา ตัวเอง
จนกระทั่งมหาเถรสมาคม มีคำสั่งให้ “พระยันตระ” เจาะเลือดตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์กรณีมีบุตรสาว แต่อดีตพระยันตระ ก็ดื้อแพ่ง ไม่ยอมสิกขา แต่เปลี่ยนไปห่มผ้าเขียว จนกลายเป็นที่มาของฉายา "จิ้งเขียว"
จากนั้น “ยันตระ” ก็หลบลี้หนีคดีไปพำนักอยู่ที่อเมริกา จนคดีหมดอายุความก็กลับไทยมาเยือนบ้านเกิด เมื่อปี 2557 และ เข้าๆ-ออกๆ จากอเมริกา-ไทยบ้างเป็นครั้งคราว
วันนี้ “อดีตพระยันตระ”จากโลกไปแล้ว คงเหลือแต่ตำนานให้เล่าขาน
จากสมัยเริ่มต้นบวชแทนตัวเองว่า “พระยันตระ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไกลจากกิเลส” สร้างภาพลักษณ์จนมีชื่อเสียงขจรขจาย แต่สุดท้าย กลับมีเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ที่ปิดไม่มิด ปาราชิกกลายเป็น “จิ้งเขียว” พร้อมกับศรัทธาที่เสื่อมจนผู้คนหมดความเลื่อมใส
เพราะ พฤติกรรมของ “อดีตพระยันตระ”ไม่เคยไกลจากกิเลส สวนทางชื่อทางสงฆ์ของตนเองอย่างสิ้นเชิง
++ “วันนอร์”เดือดสั่งแก้ญัตติซักฟอก ถูกตั้งคำถาม ลุอำนาจ รับงาน ?!
ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ฝ่ายค้านจะได้เปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯอิ๊งค์” กันเมื่อไร
เพราะตอนนี้ มีศึกระหว่าง “ฝ่ายค้าน” กับ “ประธานวันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขึ้นมาเรียกน้ำย่อยก่อน
ก็เรื่องที่ “ประธานวันนอร์” ทำหนังสือด่วนถึง “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ให้ตัดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นคนนอก
แถมให้สัมภาษณ์สำทับไปว่า ถ้ายังดื้อ ไม่ตัดชื่อออก ก็จะไม่บรรจุญัตติ งานนี้ก็ไม่ต้องอภิปรายกันละ
ขณะที่ฝ่าย “หัวหน้าเท้ง” ก็ทั้งทำหนังสือชี้แจง และให้สัมภาษณ์สวนกลับไปว่า “ไม่ตัดชื่อทักษิณ” เด็ดขาด
ทั้งยกรัฐธรรมนูญ ยกข้อบังคับการประชุม มายันว่าญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ -ข้อบังคับ
การที่ประธานวันนอร์ สั่งแก้ไขเนื้อหาญัตติ ทั้งที่รัฐธรรมนูญไม่อนุญาตนั้น ถือว่า “ลุแก่อำนาจ” เพราะสิ่งที่ประธานฯ ทำได้ ก็แค่ตรวจสอบข้อบกพร่องเชิงรูปแบบ ข้อเท็จจริง อีกทั้ง ข้อบังคับก็ไม่ได้ห้ามเอ่ย “บุคคลภายนอก” แถมออกหนังสือแจ้งข้อบกพร่อง เกิน 7 วัน ตามเวลากำหนด
ดังนั้น มีทางเดียวคือ ประธานฯต้องบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระโดยด่วน
ไม่เพียงเท่านั้น “ประธานวันนอร์” ยังถูก “รังสิมันต์ โรม” สส.พรรคประชาชน ทิ่มเข้าให้ว่า พฤติกรรมแบบนี้ถือว่าเป็นการใช้อำนาจเอื้อพวกพ้อง อาจเพราะถูกกดดันหรือ ถูกสั่งให้ทำ หรือเพราะประธานสภาฯรับงานมาปกป้อง “นายใหญ่”
เมื่อถูกนักการเมืองรุ่นหลาน หาว่า “รับงาน” ประธานวันนอร์ ถึงเดือด!! ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่ได้มีอคติกับใคร หรือรับงานใครมา ตนเองแค่รักษากติกา ข้อบังคับการอภิปรายถึงบุคคลภายนอก ที่ไม่สามารถเข้ามาชี้แจงในสภาได้
“ประธานวันนอร์” บอกว่า เป็นสส.มา 40 กว่าปี ไม่เคยมีญัตติที่เขียนชื่อคนนอกไว้ ไม่เช่นนั้นสภาฯจะไม่เป็นสภาฯ หากชื่อคนนอกไม่อยู่ในญัตติ จะอภิปรายอะไร ก็อภิปรายไป ถ้าเขาเสียหาย ก็จะฟ้องคนพูดเอง แต่ถ้าบรรจุในญัตติ หากมีการฟ้อง จะฟ้องประธานสภาฯด้วย
ในฐานะประธาน อยากเห็นการอภิปราย ไม่ใช่การประท้วง อะไรที่จะเกิดปัญหา ประธานต้องทำไม่ให้เกิด!!
จากท่าทีขึงขัง ออกตัวแรงของทั้งสองฝ่าย จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า หากไม่ยอมลงให้กันแบบนี้ศึกซักฟอกจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือจะบานปลาย ไปเกินกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ!!
ลองคิดดู หากสุดท้าย “ประธานวันนอร์” ซึ่งสูงกว่าทั้งในด้านวัยวุฒิ และนั่งอยู่ในตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายค้าน ก็เสียผู้ใหญ่ หรืออาจเสียไปถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วย
ขณะเดียวกัน “หัวหน้าเท้ง” ก็ต้องการแสดงศักยภาพ ของหัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จากการ “ปล่อยของ” ในศึกอภิปรายครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมา จะถูกมองว่าเป็นหัวหน้า “เท้งเต้ง” ตลอด
อย่างไรก็ตาม หากมองถึงความเป็นไปได้ เพื่อรักษาโอกาสการอภิปรายครั้งนี้ ก่อนที่สมัยประชุมสภา จะปิดลงในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ฝ่ายค้านอาจจะยอมถอยแบบมีเงื่อนไข ก็ได้
อย่างเช่น ยอมตัดชื่อ “ทักษิณ” แต่ขอเพิ่มวันอภิปราย จากที่ฝ่ายรัฐบาลออกข่าวมาว่าจะให้เพียงวันเดียว
หรืออาจจะเปลี่ยนแผน โดยการแก้ญัตติใหม่ จากที่ขอเปิดอภิปราย “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” เพียงคนเดียว ก็เพิ่มรัฐมนตรีคนอื่นๆเข้าไปด้วย เพราะเรื่องสำคัญๆ ที่ประชาชนอยากฟังการอภิปราย อยากเห็น “หมัดเด็ด” มีทั้งเรื่องในด้านความมั่นคง ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เรื่องเลือกปฏิบัติกรณีนักโทษเทวดา ชั้น 14 เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พนันออนไลน์ สนามกอล์ฟอัลไพน์ เขากระโดง ...
ขณะเดียวกันก็จะเป็นการทดสอบ “สปิริต” ของฝ่ายรัฐบาลไปในตัวด้วยว่า จะยอมถูกตรวจสอบตามวิถีประชาธิปไตย หรือไม่
ต้องติดตามกันว่า สุดท้ายเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร