ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “ทักษิณ-เนวิน” หยิบ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-พนันออนไลน์ - สว.สีน้ำเงิน- โมโตจีพี มาเคลียร์กันอีกรอบ
หลังจากถูกรุกหนัก เรื่อง “ฮั้วเลือกสว.” ทางค่ายสีน้ำเงิน ก็ปล่อยข่าวออกมาว่า จะมีการพบกันระหว่าง 4 ผู้ทรงอิทธิพลในรัฐบาลนี้ คือ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร กับ “ครูใหญ่บุรีรัมย์” เนวิน ชิดชอบ และ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ เมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อเคลียร์ปัญหาคาใจ
แต่ไม่มีการพบกันตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งวันนั้น “นายกฯอิ๊งค์” พูดชัดว่า... ไม่ไป ขอใช้เวลาอยู่กับลูก(กับสามี)ดีกว่า
กระทั่ง มีสัญญาณว่า รัฐบาลจะไม่ต่อสัญญาการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบ “โมโตจีพี” ที่บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก ที่สร้างรายได้ สร้างชื่อเสียง ให้กับ “เนวิน”
คราวนี้จึงมีรายงานข่าวว่า “อนุทิน-เนวิน” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเจรจากับ “นายใหญ่และนายกฯอิ๊งค์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องหนักอกหนักใจของ “ค่ายสีน้ำเงิน” นอกจากเรื่องเขากระโดง ก็มี เรื่อง ฮั้วเลือกสว. ที่ “ดีเอสไอ”ขู่จะเล่นหนัก ว่าเข้าข่ายอั้งยี่ ฟอกเงิน และกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร และล่าสุดก็เรื่องต่อสัญญา “โมโตจีพี” ที่เป็นเรื่องรายได้ทางธุรกิจของ “เนวิน”
ส่วนทางฝั่ง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่ยังติดๆ ขัดๆ ก็มีเรื่อง เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ การพนันออนไลน์ และการอภิปรายราย “นายกฯอิ๊งค์” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้
ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ บ้านจันทร์ส่องหล้า กังวลคือ กลัวว่าจะมีการแทงข้างหลังในการอภิปรายครั้งนี้ !!
แล้ว “อนุทิน” ก็ออกมายอมรับว่า ได้พา “เนวิน” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อ “เคลียร์ใจ” กันจริง
เรื่องหลักที่ “อนุทิน” บอกว่า ได้มีการหยิบยกขึ้นมาก่อนก็ คือเรื่อง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และ การพนันออนไลน์
ปัญหาอยู่ที่ ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในตอนแรก กระทรวงการคลังเขียนให้อำนาจ “นายกรัฐมนตรี” รักษาการกฎหมายเพียงคนเดียว ซึ่ง “อนุทิน” เห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยด้วย เรื่องกฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายการพนัน และอื่นๆ หาก “นายกฯอิ๊งค์” ต้องรักษาการคนเดียว อาจหนักเกินไป ก็เสนอให้ “รมว.มหาดไทย” มาร่วมรักษาการด้วย การทำงานจะได้เป็น “ทีมเวิร์ก” รับผิดชอบร่วมกัน ช่วยกันแบ่งเบาภาระ ซึ่งนายกฯอิงค์ ก็เห็นด้วย
ส่วนเรื่องการกำหนดเงินในบัญชีขั้นต่ำ 50 ล้านบาท ของผู้ที่จะเข้าไปเล่นกาสิโน ก็ยังไม่ต้องตัดออก เพราะจะแย้งกับกฤษฎีกา ก็ให้สภาฯ รับหลักการไปก่อน แล้วค่อยตั้งคณะกรรมาธิการมาแปรญัตติกันทีหลัง เพื่อให้เป็นกฎหมายของสภา
นอกจากนี้ หากจะนำ ร่างกฎหมาย พนันออนไลน์ เข้าครม. ก็ควรเอาร่าง กฎหมายการเพิ่มโทษการพนันเถื่อน ของภูมิใจไทย เข้าไปด้วย เพื่อที่จะรองรับกัน ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกฯว่าจะบรรจุเข้าเมื่อไร
“อนุทิน” บอกว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน Moto GP เพราะเรื่องนี้ยังมีเวลาอีกนาน
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯอิ๊งค์” ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ “อนุทิน” ยืนยันว่า ต้องสนับสนุน และพร้อมจะชี้แจงแทนนายกฯ เสมอ สส.ของพรรค ห้ามลา ห้ามขาดประชุม รัฐมนตรีต้องพร้อมชี้แจง หากถูกอภิปรายพาดพิงมาถึงกระทรวงที่ตนเองกำกับดูแล หากนายกฯต้องการจะตอบเอง รัฐมนตรีทุกคน ก็ต้องจัดเตรียมข้อมูลไปนำเสนอให้นายกฯ ได้ชี้แจง
รับรองงานนี้ไม่มีแทงข้างหลัง!!
พร้อมย้ำกับลูกพรรคว่า ที่จริงแล้วการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่ใช่การอภิปรายนายกฯคนเดียว แต่เป็นการอภิปรายรัฐบาล ถ้านายกฯ ไม่รอดรัฐบาลก็คงไม่รอด
การพบกันของ “4 ผู้ทรงอิทธิพล” ในครั้งนี้ ผู้ที่ติดตามการเมือง รวมทั้งประชาชนทั่วไป ต่างพอจะรับรู้ถึงเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายยกขึ้นมาเป็นประเด็น ในการเจรจาต่อรองกัน
ฝ่าย “อนุทิน-เนวิน” ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ดินเขากระโดง เรื่องฮั้วเลือก สว. และเรื่องต่อสัญญา โมโตจีพี
ส่วนฝ่าย “ทักษิณ-นายกฯอิ๊งค์” ก็พยายามเร่งเรื่อง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พนันออนไลน์ แก้รัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้สะดุด ติดขัด เพราะถูกพรรคภูมิใจไทย และ สว.สีนำเงิน ออกมาเตะตัดขา รวมทั้งต้องการความมั่นใจในช่วงการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
จะเห็นได้ว่า เรื่องที่ยกขึ้นมาเจรจาต่อรองของทั้งสองฝ่าย ล้วนเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง เครือญาติ และพวกพ้อง ทั้งนั้น ไม่ได้มีเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน เลย!
++ ดีเอสไอรับ หรือไม่รับ “ฮั้วเลือกสว.” เป็นคดีพิเศษ วันนี้รู้เรื่อง!
น่าจะถูกจับตาของสังคมอย่างใกล้ชิดว่า การประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) วันนี้ (6มี.ค.) ผลจะออกเป็นอย่างไร
เพราะวาระสำคัญคือ การพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้วการเลือกตั้งสว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่
ก่อนหน้านี้ก็ทราบกันแล้วว่า คณะอนุกรรมการฯ มีมติเห็นว่า “ดีเอสไอ”ควรรับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ฝั่งสว.เลือดน้ำเงินทั้งหลาย ออกมาฟาดแรงๆ ในทำนอง ดีเอสไอ “อย่าสะเออะ” และพร้อมจะราวีกับ “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานไม่มีจริยธรรม
ฟังว่าถึงนาทีนี้ แม้คณะอนุกรรมการฯ จะเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์จากหลักฐานสำนวนคดีว่า การฮั้วเลือกสว.มีความผิดอาญา เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 อั้งยี่ มาตรา 116 ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ มาตรา 77 (1) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (ก) - (จ) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เนื่องจากมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน
แต่การพิจารณาของ “บอร์ด กคพ.” จะมีมติเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร ก็เป็นดุลพินิจของบอร์ด
อย่างไรก็ดี การเลือกสว.เกี่ยวข้องกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทาง กคพ. จึงมีหนังสือเชิญ กกต. เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นข้อกฎหมาย ที่กรรมการบางคนยังอาจมีข้อสงสัย
ปรากฏว่า ก่อนถึงวันประชุมล่าสุด กกต.บอกว่า ไม่ส่งตัวแทนไปร่วมประชุม แต่จะใช้วิธีส่งหนังสือไปชี้แจงแทน
สำหรับการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ จะเริ่มประชุมในเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม โดยมี " ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานบอร์ด เป็นประธานการประชุม
มีรายงานว่า ในสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ปรากฏว่า “พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง” กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ “พล.ต.ท.สำราญ นวลมา” กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้แจ้งลาการประชุม เป็นครั้งที่ 2 โดยให้เหตุผลติดภารกิจราชการ ซึ่งในการประชุม บอร์ดกคพ.ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ได้ลาการประชุมด้วยเหตุ ติดภารกิจราชการ และมีอาการเจ็บป่วย
ประเด็นดีเอสไอ กับกรณี “ฮั้วเลือกสว.” ถกเถียงกันมาต่อเนื่องว่า ควรรับหรือไม่รับเป็น “คดีพิเศษ” วันนี้ได้รู้เรื่อง!