“สมศักดิ์” ขอบคุณขรก.ช่วยขับเคลื่อนงานสธ. จนนิด้าโพลยกผลงานยอดเยี่ยมอันดับ1 สั่งเดินหน้าทำงานต่อ พร้อมเตรียมข้อมูลช่วยนายกฯ ตอบซักฟอก เลขาฯ ศึกษาต้นงบฯ สปสช. ร่วมกับความเห็นจากสาธารณชน หลังถูกมองสาธารสุขไทยจะไม่รอด
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ช่วยกันขับเคลื่อนงาน จนนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ต่อการทำงานของรัฐบาลในรอบ 6 เดือน พบว่า กระทรวงสาธารณสุข มีประชาชนพึงพอใจอันดับ 1 โดยมีประชาชนพอใจมาก 17.02% และค่อนข้างพอใจ 32.45% รวมเป็น 49.47% ซึ่งจากผลสำรวจที่มีประชาชนพึงพอใจการทำงาน ถือเป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ตนจึงขอให้ความร่วมมือนี้ เดินหน้าต่อไป ส่วนที่ต้องแก้ไขปรับปรุง ก็ขอให้ช่วยกันติดตาม เพื่อทำให้เกิดความพึงพอใจเกิน 50% ขึ้นไป ทั้งนี้ตนขอให้ผู้บริหารทุกภาคส่วน ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย โดยถึงแม้จะไม่มีการอภิปรายถึงกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็ขอให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์และเตรียมข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องให้พร้อม เพื่อที่จะได้ช่วยนายกรัฐมนตรีชี้แจง หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ข้อมูลสำคัญมาก จึงต้องมีทั้งความถูกต้อง และรวดเร็ว ที่สามารถชี้แจงได้ทันที
ขณะที่นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงสร้างประชากรไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจากการคาดการณ์ ไม่เกิน 50 ปี ประชากร จะลดลง 50% อาจเหลือประชากร 35 ล้านคน จึงทำให้ตนอยากผลักดันการส่งเสริมมีบุตร เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเตรียมจะเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาเป็นวาระแห่งชาติ
นายสมศักดิ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงความก้าวหน้า เรื่องการก่อสร้างโรงพยาบาลหาดใหญ่หลังจากมีผู้บริจาคที่ดินให้ 130 ไร่ กระทรวงก็จะเร่งรัดให้มีการก่อสร้างโครงการใหญ่ของศูนย์ทางการแพทย์แห่งใหม่ในจังหวัดภาคใต้ และให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยนายเดชอิศม์ได้ติดตามความคืบหน้า คาดว่างบประมาณก่อสร้างประมาณหมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากดำเนินการก่อสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไปจะใช้เวลานานมาก เหมือน หนองคาย สระแก้ว เป็นต้น มอบหมายให้นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงฯ ขับเคลื่อน
ส่วนวาระอื่นๆ มีการรับทราบพัฒนาการเรื่องการนับคาร์บ เรื่องรายงานของกรมสุขภาพจิต นำเสนอการจัดงาน Mental Health Awareness Month เป็นโครงการผลักดัน Mind Month เป็นวาระสำคัญของชาติ และเห็นควรให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบกิจกรรมคิกออฟที่ทำเนียบฯ ในเดือน พ.ค. นอกจากนี้จะมีการจำลองThailand Pavilion ในงาน Expo Osaka Kansai ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันอังคารที่ 18 มี.ค. ว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง เพื่อให้ ครม.สื่อมวลชนรับทราบ ก่อนที่จะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่น
ผู้สื่อข่าวถามถึงการอยู่รอดของระบบสาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ระบบการบริหาร สปสช.มีระเบียบอยู่ การใช้งบประมาณปลายปิด หากมีผู้เจ็บป่วยแสนครั้ง ได้ครั้งละ 500 บาท แต่ถ้าเจ็บป่วย 2 แสนครั้ง ก็จะเหลือ 250 บาท เป็นงบประมาณปลายปี ถ้ามีเคสเกิดขึ้นมากมายก็เป็นหน้าที่ของสปสช.ต้องหามาเติม ถ้าหากเติมไม่ได้ก็ต้องหารือบอร์ดเพื่อหาแนวทางการแก้ไข ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาต้นทุนของแต่ละโรค โดยมีนายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรมว.สธ.เป็นประธาน โดยศึกษาควบคู่กับการทำงานของสปสช.เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ รวมถึงเปิดรับข้อมูล ข้อเสนอแนะจากสารณณะชนด้วย เช่น เรื่องมะเร็งที่ต้องส่งไปโรงเรียนแพทย์ บางตัวเป็นยาใหม่ราคาสูง ไม่ควรจะใช้เพราะทำให้ต้นทุนสูง แต่บางคนบอกควรจะใช้ ก็ต้องนำมาคุยกัน เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณะรับรู้ช่วยกันตัดสินใจ จะไม่ทำโดยลำพัง ยืนยันนโยบายรัฐบาลไม่ให้ร่วมจ่ายอยู่แล้ว รัฐต้องเป็นผู้จ่ายแต่จะใช้อย่างฟุ่มเฟือยหรือไม่ ตนก็ตอบไม่ได้ จึงจะขอให้สาธารณชนช่วยตอบ
เมื่อถามถึงกรณีส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งยังมีปัญหาอยู่ระหว่างโรงเรียนแพทย์กับกทม. นายสมศักดิ์ กล่าวว่าโรงเรียนแพทย์ใช้ยาราคาแพง หากยอมรับให้ใช้ มะเร็งรักษาทุกที่ก็ต้องหาเงินเพิ่มให้ แต่โรงพยาบาลกทม.ยังเป็นปัญหา หาเงินเติมให้ไม่ได้ เพราะไม่มีโรงพยาบาล แต่คลินิกที่ว่าต้องไปทำการบ้านกัน ส่วนเรื่องแนวคิดให้โรงพยาบาลในสังกัดสธ.พัฒนาการรักษามะเร็งนั้น อยู่ในขั้นกำลังดำเนินการ ทุกอย่างพัฒนาในวันเดียวไม่ได้ เรากำลังดูเครื่องมือที่ทันสมัย หากซื้อเร็วก็จะมีราคาสูง จึงต้องดูว่าเราร่ำรวยพอที่จะลงทุนหรือไม่ ทุกอย่างต้องสามารถปัญหาได้ แต่จะให้แก้ไขโดยพลิกฝ่ามือคงไม่ได้ ต้องใช้เวลา
ส่วนเรื่องข้อเสนอปรับเพิ่มค่าประกันสุขภาพต่างด้าวนั้นนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้เสนอเข้าครม.ไปแล้ว ซึ่งนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรอดูว่าครม.จะมีมติอย่างไร เมื่อออกมาแล้วก็จะเร่งดำเนินการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมผู้บริหาร นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์พืชกระท่อม ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นำโดยนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นต้นแบบ เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์สเปรย์ฟิลม์ใช้ภายนอกจากสมุนไพรกระท่อม สำหรับบรรเทาอาการอักเสบและปวด เพื่อเพิ่มมูลค่าสารสกัดสมุนไพรกระท่อม ให้ภาคเอกชนนำไปผลิตจำหน่ายสร้างรายได้ให้เกษตรกร นอกจากนี้ ยังได้พัฒนานวัตกรรมชุดทดสอบตรวจวัดปริมาณไมทราไจนีนในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ใช้งานง่ายรู้ผลภายใน 5 นาทีด้วย
