เมืองไทย 360 องศา
เดินหน้าเต็มตัวและรวดเร็วมาก สำหรับการผลักดันให้มี “บ่อนการพนัน” ถูกกฎหมาย และการส่งเสริม “พนันออนไลน์” โดยล่าสุดมีการเปิดเผยแล้วว่า จะนำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เข้าคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ จากนั้นจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภาเพื่อออกเป็นกฎหมายรองรับต่อไป
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ถึงความคืบหน้าการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ว่า ตอนนี้กฤษฎีกา ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวกลับมาถึงรัฐบาล อยู่ระหว่างขั้นตอนขอความเห็นแต่ละหน่วยงาน จากนั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. คาดว่าเป็นวันที่ 11 มีนาคม ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป
มีรายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 จากนั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำร่างกฎหมายไปปรับถ้อยคำก่อนเปิดรับฟังความเห็นถึง 1 มีนาคม นี้
สำหรับสาระสำคัญ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว โดยยังคงกำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนต้องไม่เกินร้อยละ 10 และคนไทยที่จะเข้าไปเล่นจะต้องมีเงิน 50 ล้านบาท มีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน
อย่างไรก็ดี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการปรับปรุง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ในส่วนของเงื่อนไขเดิมที่กำหนดให้คนไทยที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาท ว่าเรื่องนี้ได้มีการแก้ไข โดยเอาเงื่อนไขนี้ออก เปลี่ยนเป็นกำหนดว่า คนไทยที่จะเข้าเล่นในกาสิโนได้ต้องมีการยื่นแบบชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี ส่วนเรื่องของการเก็บค่าเข้าเล่นในกาสิโนยังเก็บ 5,000 บาท ตามเงื่อนไขเดิม
“กระทรวงการคลังไปดูข้อมูลแล้ว พบว่าบัญชีที่มีเงินเกิน 50 ล้านบาทในไทย มีเพียงแค่ 10,000 บัญชี ถ้าเราไปกำหนดแบบนั้นก็เท่ากับว่า ผลักให้คนที่ต้องการเล่นกาสิโนไปเล่นในที่อื่น เช่น ประเทศเพื่อนบ้านหรือยังเล่นพนันผิดกฎหมาย จึงมีการแก้ไขในเรื่องนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังและกฤษฎีกาเห็นร่วมกัน” นายจุลพันธ์ กล่าว และว่าจะพยายามนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ให้เร็วที่สุด ให้ทันการประชุมสภาสมัยนี้
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งในส่วนของ “พนันออนไลน์” ก็มีความคืบหน้าไปมากเช่นเดียวกัน โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า เรื่องของพนันออนไลน์มี 2 ส่วน
ส่วนที่ 1. อยู่กับร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เป็นสัดส่วนกาสิโน 10% และ ส่วนที่ 2. คือความเห็นของกระทรวงดีอี ในการแก้ปัญหาพนันออนไลน์ ที่จะมีการทำกฎหมายระดับรอง
โดยหลังจากที่กระทรวงมหาดไทย ได้เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนันเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำความเห็น และกระทรวงดีอีกำลังประชุมทำความเห็นในเรื่องนี้ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าการออกกฎหมายระดับรองจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกา หรือประกาศกฎกระทรวง ต้องฟังความเห็นประชาชนและข้อกฎหมายประกอบ และต้องส่งให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบต่อไป ซึ่งทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมา ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมาช่วยดูอีกทีหนึ่ง
แน่นอนว่าเรื่อง “บ่อนการพนัน” ถูกกฎหมาย และ “พนันออนไลน์” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังผลักดันอย่างเต็มที่ และรวดเร็วมาก ขณะเดียวกัน “แรงต้าน” ก็รุนแรงขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน” เป็นอบายมุข ที่ตามวิถีพุทธ หรือวิถีไหนก็ตาม สมควรหลีกให้ห่าง เพราะถือว่ามีแต่ความเสี่ยงวิบัติ
อย่างไรก็ดี นโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ดังกล่าว ได้รับการผลักดันอย่างเต็มตัวมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่มีอิทธิพลกับรัฐบาลนี้ โดยอ้างว่า เป็นการนำธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน ให้ถูกกฎหมาย เพื่อหารายได้เข้ารัฐ ดีกว่าต้องสูญเปล่ามาอย่างยาวนาน และยังอ้างว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลดีกับเศรษฐกิจ และยังย้ำว่า “บ่อน” เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในสถานบันเทิงที่ตั้งขึ้นมา
แต่ถึงอย่างไร แม้ว่าคนผลักดดัน และสนับสนุนคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคลมว่าเขาประสบความสำเร็จในการทำให้เศรษฐกิจของไทยเติบโต และสร้างความเจริญมากมาย ในยุคที่เขาเป็นนายกฯ กลับกลายเป็นว่า เวลานี้ มีเสียงต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเกิดม็อบต่อต้านเดินทางมาปักหลักพักค้างที่หน้าทำเนียบรัฐบาลกันแล้ว
ขณะเดียวยังมีความเห็นจากบรรดานักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ รวมไปถึงความเห็นในโลกโซเชียลฯ ต่างออกมาในทางเดียวกันคือ ไม่เอาด้วยกับการ “เปิดบ่อน” และส่งเสริมพนันออนไลน์ นอกจากเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย และเห็นว่าไม่ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยวิธีการแบบนี้ และยังมองว่ามีเบื้องหลังที่ไม่ชอบมาพากล มีการแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว
เพราะมีกลุ่มผลประโยชน์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับ ทั้งในเรื่องใบอนุญาต ทำเลที่ตั้งที่ต้องใช้ “ทำเลทอง” ทั้งในกรุงเทพฯและในเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ จากคำพูดของ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ดูแลเรื่องนี้ บอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่ จากเดิมที่เคยกำหนดให้คนไทยที่จะเข้าไปเล่นการพนันในบ่อน จะต้องมีเงินฝากในบัญชี 50 ล้านบาท กลายเป็นว่า ให้ยกเลิกแล้วกำหนดเฉพาะคนที่เสียภาษีติดต่อกัน สามปี นั่นก็เท่ากับว่า “เปิดไฟเขียว” ให้คนไทย เข้าไปเล่นพนันกันได้อย่างสะดวก และที่สำคัญก็คือ หากวัดจากการเสียภาษีดังกล่าว ก็หมายความว่า เป็น “มนุษย์เงินเดือน” เสียเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต้องเดินหน้าเต็มกำลังแน่นอน แต่ขณะเดียวกัน เชื่อว่า “แรงต้าน” ก็จะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อพิจารณาจากเหตุและผลเมื่อชักน้ำหนักออกมาแล้ว ถือว่า สังคมเห็นด้วยยากมาก เพราะเชื่อว่าได้ไม่คุ้มเสีย ไม่จำเป็นต้องนำเรื่อง บ่อนการพนันหรือ “กาสิโน” มาส่งเสริมการท่องเที่ยวแน่นอน และยังเห็นว่าหากรัฐบาลยังดึงดันต่อไป น่าเชื่อว่าจะมีความเสี่ยงเข้าขั้นหายนะกันเลยทีเดียว !!