“กัณวีร์” โชว์จดหมายจากชาวอุยกูร์ ยันมีเรื่องใหญ่กว่าจริงหรือปลอม คือ คำตอบรัฐบาลส่งกลับจีนด้วยความสมัครใจจริงหรือไม่ ลั่นกำลังช่วยสร้างภาพลักษณ์ประเทศกับคืน ป้องกันแรงปะทะอาจจะเกิดขึ้น แจงจดหมายเขียนจากกระดาษฉีกที่หาซื้อได้ใบละ 1 บาท ไมไ่ด้บอกว่าเป็นจดหมายออกจากราชทัณฑ์
วันนี้ (4 มี.ค.) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีเอกสารจดหมายของชาวอุยกูร์ ว่า เป็นเอกสารจริงหรือไม่นั้น ว่า ก่อนจะยืนยันต้องขอบอกว่าอยากให้ทุกคนอย่าหลงประเด็นในเรื่องเกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับจีน จริงๆ แล้ว มีเรื่องใหญ่กว่าเป็นจดหมายจริง หรือจดหมายปลอม คือ คำตอบจากรัฐบาลไทย ที่จะตอบว่าการผลักดันครั้งนี้ เขาสมัครใจจริงหรือไม่ สิ่งที่ตนเองเปิดประเด็นไป คือ ความสมัครใจของผู้ลี้ภัยที่ได้กลับจีน และมีประเทศเดียวหรือไม่ ที่ไม่มีประเทศใดรับไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม ถือเป็นคำถามใหญ่ ที่ยังไม่มีคำตอบ แต่ตอนนี้คำถามของสังคมมุ่งมาว่าจดหมายจริงหรือไม่
“วันนี้ไม่อยากมาเป็นสาระสำคัญในประเด็นการผลักดันผู้ลี้ภัยออกจากประเทศไทยกลับไป เพื่อเจอการประหัตประหารในประเทศต้นกำเนิด เพราะลี้ภัยมาเป็น 11 ปีแล้ว และเป็นหลักฐานชัดเจนที่เขาอยู่ในห้องกัก จนกระทั่ง 27 ก.พ. มีการส่งกลับ ซึ่งวันนี้ก็ตอบคำถามสังคม อยากขอยืนยันผ่านพี่น้องสื่อมวลชนว่าเป็นจดหมายฉบับจริงหรือไม่จริง”
นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า จดหมายฉบับนี้ เป็นจดหมายจากกระดาษฉีก จริงๆ แล้ว เป็นรอยปั๊มกระดาษฉีกเหล่านี้สามารถหาได้ตามเรือนจำ ทั้งสองด้านจะมีลายน้ำ และสามารถซื้อได้แผ่นละ 1 บาท ตนเองไม่เคยพูดว่าออกมาจากราชทัณฑ์อย่างถูกต้องตามระเบียบ แต่บอกว่าได้มาจาก ตม.สวนพลู จากชาวอุยกูร์ที่ออกมาจากเรือนจำ โดยก่อนหน้ามี 7 คน ที่อยู่ในเรือนจำ และออกมาแล้ว 2 คน ซึ่งตอนนี้ก็ถูกส่งกลับจีน สาระสำคัญไม่ใช่จดหมาย แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ผลักดันกลับประเทศต้นทาง และยึดมั่นตามกฏหมายสากล รวมถึงต้องไม่ผิดกฏหมายในประเทศอนุสัญญาในต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่ต้องยืนยัน ไม่ใช่ถามหาว่าจดหมายจริงหรือจดหมายปลอม
นายกัณวีร์ กล่าวว่า จดหมายฉบับนี้ เขียนถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความในลักษณะการถูกแยกจากครอบครัวมา 10 กว่าปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีเพิ่งได้รับครอบครัวกลับมา เป็นการเขียนข้อความประมาณนี้ ดังนั้น คนที่มีอำนาจ ก็เพิ่งได้รับการกลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว เขาจึงส่งหาคนที่อาจทำให้เขาได้กลับไปเจอครอบครัวได้บ้าง
ส่วนความกังวลถึงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์นั้น นายกัณวีร์ ระบุว่า ต้องแยกกัน ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวยังอยู่ในเรือนจำ และอยู่ระหว่างการสอบปากคำอีก 170 ปาก ถ้าบอกว่า การส่งกลับเพื่อการรับรองในเรื่องนี้ ตนมองว่ามันไม่ใช่ ต้องพูดคุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ก่อนหน้านั้น รัฐบาลไทยคุยกับรัฐบาลจีน และอยู่ระหว่างการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะส่งตัวกลับจีน โดยการนำเครื่องบินมารับที่สนามบินแม่สอด และมีการส่งทันที ก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยบอกไปแล้วว่าเป็นข่าวลือ หรือข่าวหนาหู ว่ามีการผลักดัน กลับไป และโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเจ้าพ่อเฟคนิวส์ ซึ่งหลักฐานที่นำมาในวันนี้ก็ตอบตัวเองดีแล้วการผลักดันในครั้งนี้ สุดท้ายเป็นการกักขังลืมเป็นเวลากว่า 10 ปี ทำไมตนเอง และประชาชนยังไม่เคยได้ยินว่า ผู้ต้องกักมีความสมัครใจมากน้อยแค่ไหน เราไม่เคยได้ยินเขาออกมาบอกว่า เขาต้องการกลับบ้าน จนปลายเดือน ก.พ. ที่รัฐบาลบอกว่า ทุกคนสมัครใจกลับ ซึ่งหากมองในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้
“ผมพยายามจะสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ หากรัฐบาลมีหลักฐานใดๆ ก็ตาม ที่ระบุได้ว่า ชาวอุยกูร์เหล่านี้ สมัครใจจะกลับประเทศจีนจริง ก็ขอให้เอาออกมาแสดง ให้ประชาชนและเวทีระหว่างประเทศ มั่นใจว่า เราไม่มีการผลักดันคนเข้าสู่การประหัตประหารอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประเทศไทยต้องรับแรงปะทะในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าถูกถาม เราจะตอบได้หรือไม่” นายกัณวีร์ กล่าว