xs
xsm
sm
md
lg

ซักฟอก“อุ๊งอิ๊งค์” งานนี้หนักหนาสาหัส !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - ภูมิธรรม เวชยชัย
เมืองไทย 360 องศา

หากสำรวจปฏิกิริยาของคนในพรรคเพื่อไทย และ คนในรัฐบาล ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่า มีความหวั่นไหวกันอย่างมากถึงมากที่สุด สำหรับการรับศึกญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือ “ซักฟอก” ที่คราวนี้ถูกกำหนดไว้ในวันที่ 24 มีนาคม พรรคฝ่ายค้านได้พุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

อาการที่เรียกว่า “หวั่นไหว” จนถึงขั้น “กลัว” กันไปเลย สำหรับ“เครือข่ายครอบครัวชินวัตร” ตั้งแต่ นายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย และระดับแกนนำในรัฐบาล พยายามหาทางสกัดกั้นกันทุกวิถีทาง จนดูแล้วเกินงามกันเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่พยายามขัดขวางในการบรรจุญัตติเข้าวาระ อ้างว่ามีการเอ่ยชื่อ นายทักษิณ ซึ่งเป็นคนภายนอก ทำให้ไม่ถูกต้อง การขัดขวางจนถึงขั้นจะให้มีการอภิปราย น.ส.แพทองธาร เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การอภิปราย และยิ่งในยุคที่เรียกว่ารัฐบาลประชาธิปไตย ยิ่งไม่ต้องมาพูดกันเลย

นอกเหนือจากนี้ ยังมีรายงานออกมาแน่ชัดแล้วว่า มีการตั้ง “องครักษ์พิทักษ์นายหญิง” กันหลายชุด แบบว่าทำหน้าที่สกัดกั้นการอภิปราย ทำลายจังหวะ มีการประท้วง เพื่อปกป้อง น.ส.แพทองธาร กันอย่างเต็มที่

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมพรรคเพื่อไทยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องมีการตั้งองครักษ์พิทักษ์ น.ส.แพทองธารหรือไม่ ว่า ขออย่าเรียกว่าทีมองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี แต่ทีม PTP Academy หรือ พรรคเพื่อไทยอคาเดมี ประกอบด้วย สส.รุ่นใหม่ รุ่นเก่า รัฐมนตรี และนักวิชาการทั้งในพรรคและนอกพรรค เตรียมข้อมูลที่จะใช้ในการอภิปราย และดูแลเรื่องข้อมูล รวมถึงจะมีทีมที่คอยดูแลรักษาข้อบังคับในการประชุมสภา และทีมอธิบายคือทีมประชาสัมพันธ์พรรคหรือทีมโฆษกพรรค โดยทีมโฆษกพรรคจะช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยหากประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับสภาหรือพรรค พท.

ถามว่า ส่วนตัวเป็นหนึ่งในทีมหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในทีม สส.ที่จะช่วยดูแลรักษาข้อบังคับ ซึ่งอาจจะลุกขึ้นเพื่อช่วยชี้แจงบ้างเท่าที่จำเป็น และพรรคได้มอบหมายให้ตนเป็นคนจัดทีม แต่ตอนนี้ยังไม่จัดทีม ซึ่งจะมี สส.รุ่นเก่า รุ่นกลาง และรุ่นใหม่ คาดว่ารวมกันประมาณ 10 คน ซึ่งจะมีการพูดคุยกันสัปดาห์หน้าในการประชุมพรรค

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านไม่พอใจที่รัฐบาลจะให้เวลาเพียงวันเดียว ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีว่า เพิ่งทำงานมาประมาณ 5 เดือน และจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวคงไม่มีอะไรให้อภิปรายมาก ไม่เช่นนั้นทำไมไม่อภิปรายรัฐมนตรีทุกคนเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจะเอา 5 วัน ก็ให้ได้ แต่นายกฯ คนเดียว จะเอา 3 วัน 5 วัน อย่าใช้เวทีนี้มาประลองฝีปาก

ส่วนจะถูกสังคมมองว่าเป็นการปิดปากฝ่ายค้านในการตรวจสอบหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จะปิดปากอะไร นี่ก็พูดกันไปเรื่อย อภิปรายเท่าไหร่ก็ไปตกลงกันในสภา จะตกลงกี่วันรัฐบาลก็พร้อม เป็นกติกาที่สภาต้องคุยกัน ยืนยันไม่มีการปิดปาก ส่วนที่ฝ่ายค้านยังยืนยันจะพูดถึงชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นสารตั้งต้นนั้น เรื่องนี้พูดหลายครั้งแล้ว หากอภิปรายเขาก็ต้องรับผิดชอบเอง

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามที่ว่า ได้มอบหมายใครเป็นหัวหน้า “ทีมองครักษ์” ว่า ยังไม่มีดีเทล แต่ทุกคนให้ข้อมูลมามากพอสมควรแล้ว จะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะจริงตนไม่เคยโดนอภิปรายมาก่อน เดี๋ยวลองดูว่าอย่างไรบ้าง เอาแน่ๆ ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงและเน้นย้ำในเรื่องของกฎหมายด้วย

ได้เตรียมข้อมูลอะไรเป็นพิเศษในการชี้แจงหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อาจจะบอกไม่ได้ตอนนี้ แต่ข้อมูล ข้อเท็จจริง ตัวเลขต่างๆ นั้น เป็นการเตรียม ข้อมูลที่จับต้องได้ก่อน

เมื่อพิจารณากันตามรูปการณ์เท่าที่เห็น จะพบว่า นี่คืออาการ “กลัว” หรือจะเรียกว่า กังวลกันสุดขีด อาจเป็นเพราะรับรู้ถึงผลข้างหน้า หากปล่อยให้ น.ส.แพทองธาร ถูกฝ่ายค้านจับ “ขึงพืด” ในสภา ซักฟอกกันอย่างเต็มที่ เพราะเข้าใจดีถึงศักยภาพทั้งการพูดโต้ตอบคำถาม การชี้แจงเรื่องข้อมูลทั้งในเรื่องนโยบายรัฐบาล และการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ล้วนเป็น “จุดอ่อน” ซึ่งที่ผ่านมามีฉายาในเรื่อง “นางโพย” นายกฯไอแพด เป็นต้น

ที่ผ่านมาสะท้อนออกมาผ่านทางผลสำรวจ ล่าสุดปรากฏว่าชาวบ้านไม่เชื่อมั่น ถือว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเธอ “สอบตก” ถือว่าเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่ง

หากย้อนกลับไปในยุคของ “พ่อนายกฯ” คือ สมัยที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เคยมีบรรยากาศการสกัดการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน จนไม่สามารถอภิปรายนายกรัฐมนตรีได้เลย แต่คราวนั้น มีลักษณะของการใช้เสียงข้างมากเด็ดขาด ใช้เงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็สร้างความไม่พอใจกับสังคม จนนำไปสู่การต่อต้านขับไล่ในเวลานต่อมา

สำหรับปัจจุบันกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ในช่วงที่ชาวบ้านกำลังกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ผลงานของรัฐบาลไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนมีแนวโน้มของการเกิดสารพัดม็อบประดังเข้ามา และแม้ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้สนับสนุนคนสำคัญ จะมีเครดิตทางด้านแก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ แต่กลายเป็นว่า แทบจะไม่มีผลใดๆออกมาให้เห็นเลย

ตรงกันข้ามการเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ กลับกลายเป็นตัวเร่งปฏิกริยา ต่อต้านให้ทุกอย่างเลวร้าย และทำลายความชอบธรรมลงไปเรื่อยๆ

ดังนั้น แม้ว่าการซักฟอกคราวนี้ยังไม่รู้ว่าทางฝ่ายค้านจะมีข้อมูลทีเด็ดมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อพิจารณาจากอาการของฝ่ายรัฐบาล จากพรรคเพื่อไทยต้องบอกว่า “หวั่นไหว” อย่างหนัก ทำให้มองเห็นภาพความวุ่นวายในสภาวันอภิปราย เพราะมีการประท้วงตลอดเวลา เป้าหมายก็เพื่อขัดขวางการแตะต้องนายกรัฐมนตรี และคราวนี้ยังพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณ ถือว่าเป็น “สองเด้ง” ถือว่าหนักหน่วง แต่สำหรับน.ส.แพทองธาร แล้วคราวนี้ หนักหนาสาหัสมาก ทั้งในสภาและผลตามมาหลังจากนั้น !!



กำลังโหลดความคิดเห็น