ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เปิดตัว 10 องครักษ์ พิทักษ์นายกฯอิ๊งค์ หากผ่านประเมิน KPI มีเก้าอี้รัฐมนตรีให้นั่ง
บรรยากาศการเมืองช่วงนี้เริ่มเข้าสู่โหมด “ซักฟอก” หลัง “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เพียงคนเดียว
เนื้อหาในญัตติ ที่ฝ่ายค้านบรรยายถึงเหตุที่ปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปไม่ได้ เพราะนอกจากจะขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้อง ปล่อยปละละละเลย ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน แล้ว
ยังสมัครใจยินยอมให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการ หรือ งดเว้นกระทำการ อันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกฯหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกฯ ตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
ในญัตติระบุชื่อชัดว่า นายกฯ ยอมให้ “ทักษิณ” ชี้นำ ชักใย ใช้อำนาจ ซึ่งเรื่องนี้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า ได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้ว ไม่มีปัญหา จึงได้เสนอแฟ้มให้กับ “ประธานวันนอร์” เพื่อพิจารณาบรรจุในระเบียบวาระไปแล้ว
ส่วนที่เกี่ยวโยงถึง “ทักษิณ” ก็ไม่ได้ตัดออก ปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ที่จะพิจารณา หากมีการอภิปรายพาดพิงถึง
เฉพาะเรื่องของ “ทักษิณ” แตะได้หรือไม่ได้นี่ก็มี “องครักษ์” เรียงหน้ากันออกมาพิทักษ์กันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็น “ภูมิธรรม เวชยชัย- ชูศักดิ์ ศิรินิล- สมคิด เชื้อคง -ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” ทุกคนบอกว่า ห้ามแตะ เพราะเป็นบุคคลที่ 3 เป็นคนนอก อภิปรายไปก็ไม่เกิดประโยชน์ แถมเสี่ยงถูกฟ้องอีกต่างหาก
ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” พูดแบบไม่เคอะเขินว่า งานนี้ต้องตั้ง “องครักษ์” มาช่วย เพราะเป็นนายกฯมือใหม่หัดขับ หากมีการอภิปรายพาดพิงถึงการบริหารราชการกระทรวงไหน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงนั้นก็จะเป็นคนตอบ ขืนให้นายกฯ ตอบคนเดียวไม่ไหว คอแห้งตาย!!
ความหมายก็คือ องครักษ์ที่เป็นกลุ่มรัฐมนตรี มีหน้าที่ตอบเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไป... ส่วนเกมในสภา ก็เป็นหน้าที่ของ “สส.ปากดี” ทั้งหลาย คอยประท้วง ตัดเกม อย่าได้ปล่อยให้พูดจา รุกล้ำก้ำเกิน “คุณหนูนายกฯ” เป็นอันขาด
ที่นิยมนำมาใช้กันก็คือ ประท้วงด้วยเหตุว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภา อภิปรายนอกประเด็น วนเวียน ซ้ำซาก พาดพิงเรื่องส่วนตัว พาดพิงบุคคลภายนอก...
ล่าสุด “สุทิน คลังแสง” สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีตรมว.กลาโหม บอกว่า ขอเถอะ อย่าเรียกทีมนี้ว่า “องครักษ์พิทักษ์นายกฯ” มันดูตกยุค อยากให้เรียก “เพื่อไทยอคาเดมี” หรือ ทีม PTP Academy มากกว่า ซึ่งทีมนี้จะมีทั้ง ส.ส.รุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเก่า รัฐมนตรี และนักวิชาการ ทั้งในพรรคและนอกพรรค เตรียมข้อมูลที่จะใช้ในการชี้แจง อภิปราย รวมถึงจะมีทีมที่คอยดูแลรักษาข้อบังคับการประชุมสภา และ ทีมอธิบาย ซึ่งตัว “สุทิน” เองก็จะอยู่ในทีมนี้ด้วย ทั้งหมดก็ประมาณ 10 คน
หากนึกถึงคนที่จะเป็นทีมองครักษ์ คอยตัดเกมในสภา... หน้าของคนที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ก็จะลอยออกมาทันที อย่างเช่น...
“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” คนนี้ประท้วงด้วยข้อบังคับการประชุมสภาจนได้ดิบได้ดี เป็นรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคฯ ก็เป็นมาแล้ว ตอนนี้กำลังลุ้นจะเป็นประธานสภาฯ
“วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล นี่เพิ่งออกมาขีดเส้นว่า ที่ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 5 วันนั้น รัฐบาลให้ได้แค่วันเดียว ถึงเที่ยงคืนก็ ลงมติทันที ไม่มีวันที่ 2 ไม่เอาก็ไม่ต้องอภิปราย... แบบว่า ชิงโชว์ลีลาการพิทักษ์ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ประชุมวิปเลย
“อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” คนหนุ่ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ตอนนี้ก็ฟิตซ้อมอภิปรายในสภา หาประเด็นมาอวย “นายกฯอิงค์” ได้แทบแทบทุกนัด
ยังมีจอมเบรกเกม แถมมุกตลก อย่าง “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” ส.ส.สุรินทร์ รองประธานวิปรัฐบาล - “อดิศร เพียงเกษ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เห็นช่องเป็นไม่ได้ - “สส.หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ขณะที่ฝ่ายหญิง ก็มี “ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย คนนี้ สายตรง “สะใภ้ตระกูลชินวัตร” – “สส.เดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ – “สส.มด” ชนก จันทาทอง สส.2 สมัย จากหนองคาย ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลฯ กรณีประพฤติผิดจริยธรรม ขัดต่อศีลธรรมอันดี และทั้งสามคนก็มีบทบาทเป็น “องครักษ์หญิง” ในรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน” มาแล้ว
ต้องติดตาม ทีม “เพื่อไทยอคาเดมี” เหล่านี้ให้ดี เพราะหลังการอภิปราย เชื่อว่าจะมีการปรับครม. การทำหน้าที่ครั้งนี้ ก็เหมือนการประเมิน KPI ไปในตัว ว่าใครทำผลงานได้เข้าตา ก็มีโอกาสได้รับเก้าอี้รัฐมนตรี เป็นรางวัล
++ ฮือฮา"วัชรพล" หลังพ้นประธานป.ป.ช. รวยเฉียด 500ล้าน เงินเดือนสองล้านเศษ เบี้ยประชุมปีละ 6 แสน
ฮือฮาหมาเห่าเมื่อสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า วุฒิสภาได้เผยแพร่ประกาศเรื่องบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ กับ รศ.ปิยานันต์ คู่สมรส กรณีพ้นจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 มีทรัพย์สิน 498.67ล้านบาท โดยที่ไม่มีหนี้สิน ...อุแม่เจ้า!!
พล.ต.อ.วัชรพลเข้ามาเป็นประธานป.ป.ช. ในยุค คสช.มีอำนาจ
ความมีสายสัมพันธ์แนบสนิทกับ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตพี่ใหญ่ "3ป." คสช. ทำให้ พล.ต.อ.วัชรพล ได้ชื่อเป็น "เด็กลุง"
ป.ป.ช.ในยุคของ “พล.ต.อ.วัชรพล” นั่งทับเก้าอี้ประธานฯ ก็ต้องบอกว่า เป็นยุคที่ "คนนินทา หมาดูถูก" หลายต่อหลายกรณี
โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในกรณี "นาฬิกาเพื่อน" ของ “ลุงป้อม” และเอื้อประโยชน์ให้กับบรรดาคนของลุงอีกคน อย่าง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.
โดยรายละเอียดบัญชีทรัพย์สินของ “พล.ต.อ.วัชรพล” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 42.24 ล้านบาท
รายได้ต่อปีรวม 3.5 ล้าน ซึ่งรวมเงินเดือนประธาน ป.ป.ช. จำนวน 2.18 ล้านบาท เบี้ยประชุม ป.ป.ช.จำนวน 600,000 บาท
ทรัพย์สินอื่นๆ ที่อยู่ในบัญชีน่าสนใจ เช่น อาวุธปืน 6 กระบอก มูลค่า 200,000 บาท นาฬิกาข้อมือชาย 3 เรือน มูลค่า 500,000 บาท ยี่ห้อ patek philippe aquanaut 1 เรือน 400,000 บาท สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง 4 เส้น พระ 8 องค์ มูลค่าฯ 500,000 บาท พระเลี่ยมทอง 20 องค์ มูลค่า 300,000 บาท
ส่วน รศ.ปิยานันต์ คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 456.42 ล้านบาท มูลค่าส่วนใหญ่เป็นที่ดิน จำนวน 417.36 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 28 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นอีก 2.6 ล้านบาท
ขณะที่รายได้ต่อปี รวม 2.7 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้ประจำ ประกอบด้วย บำนาญข้าราชการ 269,976 บาท รายได้จากทรัพย์สินของคู่สมรส คือ ค่าเช่าที่ดินเพลินจิต 1.25ล้านบาท และ รายได้จากการรับให้ ของคู่สมรส คือ สิทธิเก็บกินค่าเช่าที่ดินอีก 1.25 ล้านบาท
นี่ก็คือบัญชีทรัพย์สินของ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล คนของ “ลุง” หลังพ้นตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. คิดเห็นประการใด ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
