xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊งอิ๊งค์-พท.”ลำบาก ชาวบ้านไม่ปลื้ม ไม่เชื่อมั่น!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ไม่ถึงสองปี ที่พรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นรัฐบาล ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาถึงยุคของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลายเป็นว่า ความนิยม และความเชื่อมั่น กลับลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนสำคัญเป็นเพราะไม่มีผลงานที่จับต้องได้อะไรเลย ทำให้เวลานี้ถือว่าทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็นผู้อุปถัมภ์สำคัญ ก็พลอยเสียเครดิตเสื่อมความนิยมลงไปแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ในวันเดียวกันจากผลสำรวจสองสำนักออกมาพร้อมกัน ตรงกันว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่พอใจ ไม่เชื่อมั่นผลงานรัฐบาล และตัวนายกรัฐมนตรี อย่างชัดเจน

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “6 เดือน รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2568 เกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.58 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 12.82 ระบุว่า พอใจมาก

ด้านความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.28 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 13.36 ระบุว่า พอใจมาก

สำหรับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.41 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 25.04 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น และร้อยละ 12.29 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานในแต่ละกระทรวงของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี

แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน ก็พบว่า ผลออกมาเมื่อรวมทั้งแบบพอใจ และไม่พอใจ ถือว่ามีจำนวนมากกว่าพอใจจำนวนมาก และที่น่าสนใจก็คือ ความไม่พอใจ ล้วนเป็นกระทรวงที่อยู่ในความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่กระทรวงที่อยู่ในความดูแลของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น เช่น มหาดไทย ของภูมิใจไทย และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของพรรคกล้าธรรม ก็ผลออกมาเช่นเดียวกันคือ เปอร์เซ็นต์ความไม่พอใจ สูงกว่าพอใจมาก

ขณะที่ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568” ให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เฉลี่ย 5.02 คะแนน ลดลงจากเดือนมกราคม 2568 ที่ได้ 5.06 คะแนน

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.42 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 46.08 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 48.24 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตัดไฟ-ตัดเน็ต แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร้อยละ 43.64 ผลงานฝ่ายค้าน ที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ จี้ตัดไฟข้ามแดน ร้อยละ 45.23

แน่นอนว่าเมื่อผลออกมาแบบนี้ ย่อมต้องเป็นข่าวร้ายสำหรับ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่ารัฐบาลของเธอจะมีอายุยังไม่ถึงปี แต่เวลา 8-9 เดือนก็ถือว่าสามารถประเมินถึงผลงานและแนวโน้มในอนาคตข้างหน้าได้ดี

เมื่อพิจารณาจากผลงานของรับบาลชุดนี้ จะเรียกว่า “ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน” หรือจะเรียกว่า “ไม่มีผลงาน” อะไรเลยก็ว่าได้ ไม่สามารถทำตามนโยบายที่ประกาศเอาไว้เมื่อตอนหาเสียงได้เลย หรือหากจะทำก็ไม่ตรงปกผิดเพี้ยนไปหมด ขณะที่ผลงานด้านเศรษฐกิจ กลับกลายเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล เพราะจากเดิมมักประกาศตัวเองว่าเป็น “มืออาชีพ” ด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยกผลงานในอดีตมาสนับสนุน แต่เอาเข้าจริงผลออกมากลับตรงกันข้าม เวลานี้คนไทยกำลังประสบปัญหาเรื่อง “หนี้สิน” มีปัญหาปากท้อง ชักหน้าไม่ถึงหลัง

ก่อนหน้านั้นทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ ได้ประกาศการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี 2567 ปรากฏว่าไทยโตแค่ร้อยละ 2.5 และโตแทบจะต่ำสุดในภูมิภาค เหนือแค่ประเทศเมียนมาร์เท่านั้น และปีนี้ยังคาดการณ์อีกว่าจะโตได้แค่ 2.5-2.8 เท่านั้น ต่ำกว่าที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 และปีถัดไปโตไม่ต่ำว่าร้อยละ 5

ที่สำคัญเวลานี้ยังมีปัญหาซ้ำเติมในเรื่อง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างน่าใจหาย สินค้าหลักๆ เช่นข้าว มันสำปะหลัง เป็นต้น ราคาตกต่ำทั้งหมด แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามช่วยเหลือ แต่ก็กลายเป็นว่ามีเสียงจากชาวนาบอกว่า “แก้ปัญหาไม่ตรงเป้า” และไม่ทันการณ์

อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้กำลังเกิดม็อบแทบจะเป็นรายวัน เช่น ม็อบชาวนาในภาคกลาง 10 จังหวัดจำนวนหลายร้อยคนจะมีการนัดรวมตัวมาประท้วงกันที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 3 มีนาคมนี้ หลังจากก่อนหน้านั้นไม่กี่วันก่อนก็มีชาวนาอีกกลุ่มหนึ่งมากดดันรัฐบาลไปแล้ว

ขณะเดียวกันยังมีม็อบที่ต่อต้าน “บ่อนการพนัน” ที่รัฐบาลกำลังเสนอกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ เรียกว่าสารพัดม็อบกำลังประชิดทำเนียบรัฐบาลแล้ว

นอกเหนือจากนี้ ภายในปลายเดือนมีนาคม รัฐบาล โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะโดนฝ่ายค้านล็อกเป้า “ซักฟอก” เพียงคนเดียว ถือว่าเป็นงานที่ “สาหัส” เอาการ หากพิจารณาจากการทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ที่มักถูกวิจารณาในหลายๆเรื่อง ทำให้หลายคนประเมินกันว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เธอจะไปรอดได้หรือเปล่า

ดังนั้น เมื่อสำรวจสภาพแวดล้อม ทั้งปัจจัยภายนอกล้วนแล้วมีแนวโน้มแทบเป็นลบทั้งสิ้น ตั้งแต่ตัวผู้นำ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มาจนถึงผู้อุปถัมภ์หลักอย่าง นายทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้จากที่เคยคิดว่าเป็น “แรงส่ง” กลับกลายเป็นตัวถ่วง ให้หนักกว่าเดิม ถูกวิจารณ์หนักกว่าเดิม และคราวนี้หากปัญหาปากท้องชาวบ้านยังหนักหนา ก็เชื่อว่าอีกไม่นานก็น่าจะไปทั้งยวงแน่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น