วันที่( 28 ก.พ.)นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคกล้าธรรม(กธ.)ได้ร่วมอภิปรายสนับสนุนญัตติที่ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ส่งเสริม และพัฒนาทุเรียนไทยอย่างยั่งยืนทั้งระบบ และยกร่างกฎหมายว่าด้วยทุเรียนว่า ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย โดยปี 67 ส่งออกทุเรียนได้ถึง 130,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีความต้องการจากต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้บริโภคจากจีนซึ่งชื่นชอบในรสชาติคุณภาพ และความเชื่อมั่นที่ปลูกโดยฝีมือเกษตรกรชาวไทย ทำให้มีการลงทุนปลูกทุเรียนมากขึ้นทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ฃหรือแม้แต่ต่างประเทศก็มีปริมาณปลูกทุเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียการสนับสนุนในเรื่องของนโยบายและองค์ความรู้ รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน จึงเป็นภารกิจหลักของรัฐบาลและกระทรวงการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า ตนอยากเห็นการขับเคลื่อนของรัฐบาลในการรักษาคุณภาพทุเรียนไทยในตลาดสากล ทำอย่างไรให้ทุเรียนไทยอยู่ในจุดสูงสุดของเรื่องคุณภาพ ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคนึกถึงทุเรียนไทยเวลาที่อยากจะกินทุเรียน ทำอย่างไรให้ชาวสวนทุเรียนภาคใต้แน่ใจว่า จะมีตลาดรองรับทุเรียนไทยเพียงพอตลอดฤดูกาล ซึ่งขณะนี้จีนได้ยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบทุเรียนสด และทุเรียนเปลือก ทุเรียนแกะเปลือกแช่แข็ง โดยได้ออกมาตรการบังคับให้ทุเรียนทุกตู้ที่จะส่งไปยังประเทศจีน ต้องมีใบรับรองทุเรียนปลอดสารชุบสี Basic Yellow 2 หรือ BY2 และสารแคดเมียม ซึ่งนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ ก็ได้เจรจากับศุลกากรจีน ให้หาแนวทางร่วมกัน
“กระทรวงเกษตรฯใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาได้ ทำให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียนไม่เสียโอกาสในการส่งออก และยังเป็นการยกระดับด้านความปลอดภัยของทุเรียนด้วย ผมต้องการเห็นการเตรียมความพร้อมระหว่างภาคเกษตรกรและภาครัฐ ในการเตรียมห้องปฏิบัติการหรือห้องแลปให้เพียงพอต่อการตรวจสอบสารปนเปื้อนทุเรียนที่กำลังจะออกดอกออกผล“นายอามินทร์ กล่าว
นายอามินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากเห็นความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและรัฐบาล ช่วยกันรักษามาตรฐานของทุเรียน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับต่างชาติ เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่า ใจเขาใจเรา ทางจีนก็อยากปกป้องผู้บริโภคของเขา อยากให้ได้รับประทานทุเรียนที่มีคุณภาพ ปลอดภัยเช่นเดียวกับผู้บริโภคทุเรียนในประเทศไทยเองก็ต้องได้บริโภคทุเรียนที่มีคุณภาพเช่นกัน
จากนั้น มติที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติเห็นชอบให้ส่งคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาศึกษา กำหนดระยะเวลาในการพิจารณาศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน