เชื่อว่าฮั้วแน่นอน! โพลเชียร์ "ทวี-ดีเอสไอ" ลุยสอบ “ทุจริตเลือกสว.” ** ยื่นเด็ดหัวแม่ทัพ “อิ๊งค์นายกฯหุ่นเชิด” ขาดภาวะผู้นำ บริหารล้มเหลว ทุจริตอื้อ งานนี้ต้องพึ่งทั้งองครักษ์ และพ่อ

ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ เชื่อว่าฮั้วแน่นอน! โพลเชียร์ "ทวี-ดีเอสไอ" ลุยสอบ “ทุจริตเลือก สว.”

ประเด็นการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา มีผลสำรวจประชาชนของ "นอร์ทกรุงเทพโพล" เมื่อไม่กี่วันมานี้ ช่วงที่กำลังมีกระแส DSI จะรับเป็นคดีพิเศษ ก็ปรากฏว่า ประชาชนเชื่อว่า มีการฮั้วแน่นอน 65.4% ขณะคนที่ไม่เชื่อว่ามีฮั้วกัน มีแค่ 12.8%

สำหรับภาพรวมของการเลือกตั้ง มีประชาชน 73.8% เชื่อว่า ไม่สุจริตโปร่งใส และ 22.2% เห็นด้วยอย่างยิ่ง และ 35.6% ค่อนข้างเห็นด้วยกับการที่การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับการทุจริตการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ

งานนี้ก็ต้องบอกว่า ประชาชนและสังคม ชูจั๊กแร้เชียร์ “ดีเอสไอ” เต็มที่ รวมไปถึงกลุ่มสว.สำรอง และ อดีตผู้สมัครสว.หอบดอกไม้ไปให้กำลังใจ “ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม และ "พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
“ดีเอสไอ” หัวกะไดไม่แห้งเพราะใครๆ ก็รู้ว่า การเลือกสว.ที่ผ่านมา น่าอับอายขายขี้หน้า แต่ กกต.กลับเมินเฉย

คราวที่แล้ว “คณะกรรมการคดีพิเศษ” เลื่อนการพิจารณาคดีฮั้วเลือกสว. เพราะพบว่ายังมีข้อมูลจำนวนมากคณะกรรมการจึงขอให้มีการรับฟังข้อเท็จจริงจาก กกต. ขณะเดียวกันก็มีข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมาย ที่จะต้องทบทวนพิจารณาเพื่อจะมาประชุมกันใหม่ ในวันที่ 6 มี.ค.ที่จะถึงนี้


“ทวี สอดส่อง” ยืนยัน ใช้วิธีประสานงานกับ กกต. มาให้ข้อมูล หากกกต.ไม่มา “ดีเอสไอ”ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านของข้อกฎหมาย

ส่วนที่ยังถกเถียงกันประเด็นว่า ดีเอสไอ มีสิทธิ์รับคดีฮั้ว สว.นี้หรือไม่ "พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ" ยืนยันว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะต้องเข้าลักษณะที่เป็นคดีพิเศษ เมื่อมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอก็ต้องสืบสวน ซึ่งคดีนั้นจะเข้าลักษณะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ตามหลักการกฎหมาย ถ้าเป็นความผิดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับไว้ แต่ถ้าเข้าข้อกฎหมายอื่น ที่ไม่ใช่ข้อกฎหมายท้ายพระราชบัญญัติ อันนี้ต้องใช้มติ คกพ. ที่จะรับเป็นคดีพิเศษ


“เมื่อสืบสวนแล้วเห็นว่า เรื่องนี้น่าจะเข้าเรื่องเป็นลักษณะคดีพิเศษ ก็จะต้องเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อให้มีมติ ซึ่งส่วนนี้เป็นกระบวนการปกติ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง แต่มองว่า หากมีประชาชนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอ ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายทำตามหน้าที่ ซึ่งถ้าไม่ทำตามหน้าที่ ทางดีเอสไอ ก็จะผิดเอง”

อธิบดีดีเอสไอย้ำว่า ไม่มีใครแทรกแซงกดดัน “ดีเอสไอ”ทำตามหน้าที่เท่านั้น

งานนี้ใครจะดิ้นพราดๆ ใครจะเป็นเดือดเป็นร้อน เกิดอาการไอคุกๆ ก็ต้องคอยติดตามรับชมกันต่อไป


++ ยื่นเด็ดหัวแม่ทัพ “อิ๊งค์นายกฯหุ่นเชิด” ขาดภาวะผู้นำ บริหารล้มเหลว ทุจริตอื้อ งานนี้ต้องพึ่งทั้งองครักษ์ และพ่อ

ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ต่อประธานรัฐสภาไปแล้ว

ขออภิปราย“นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว ตามกลศึก “ตีจุดอ่อน-เด็ดหัวแม่ทัพ”!!

พุ่งเป้าไปที่เรื่อง ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ ขาดเจตจำนงที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน ไม่มีความรับผิดชอบต่อการเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว รวมทั้งยังมีปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน เห็นประโยชน์ครอบครัว มากกว่าประโยชน์ชาติ


เมื่อ “นายกฯอิ๊งค์” ถูกขึงเดี่ยว เชื่อว่า จะถูกใจคอการเมืองมากที่สุด เพราะนอกจากเรื่องที่เป็น “บุคลิกส่วนตัว” แล้ว ในด้านการบริหารราชการแผ่นดินในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังสามารถจะโยงไปถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อ ซึ่งอยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ ได้อย่างเนียนๆ

ยิ่งข้อหาที่ฝ่ายค้านยกมาเป็นประเด็นนั้น เชื่อว่าช่วง 6-7 เดือน ที่ “อุ๊งอิ๊งค์” ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างรู้ซึ้ง สัมผัสได้ และเห็นด้วยกับญัตติของฝ่ายค้าน เพียงแต่จะดูว่าขุนพลผู้อภิปราย จะมีหลักฐาน มีทีเด็ดอะไร ที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องละอายแก่ใจ หากจะใช้ระบบพวกมากลากไป เมื่อถึงเวลาโหวต

อีกทั้งระหว่างอภิปราย เมื่อโดนบดขยี้ ยั่วยุทางอารมณ์ “นายกฯมือใหม่หัดขับ” จะรั่ว ตบะแตก ตกม้าตายกลางสภาหรือไม่
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็บอกว่า ครั้งนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เอาจริง ไม่ใช่ อภิปรายแบบหวัง” “เสียบ” โดย “ลุงป้อม”ทั้งลงชื่อในญัตติ เตรียมข้อมูล เนื้อหาสาระ ชี้จุดตายให้ผู้อภิปราย และจะมานั่งกำกับในห้องประชุมสภาด้วย

งานนี้ฝ่ายค้านตั้งเป้าถึง “ยุบสภา” หรือ อาจยื่นถอดถอนนายกฯ เป็นดาบสอง !!

สำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อรู้ชัดว่า ฝ่ายค้านจะโจมตี “ลูกสาวสุดที่รัก” เพียงคนเดียว โดยไม่แตะรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็เรียกประชุมทีมที่ปรึกษาชุดใหญ่ ที่บ้านพิษณุโลกทันที

มีทั้ง “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ประธานที่ปรึกษา “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา “ศุภวุฒิ สายเชื้อ”, “ ธงทอง จันทรางศุ”, “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” รวมทั้ง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ตามรายงานข่าวบอกว่า “ทักษิณ” หารือ มาให้ความรู้ แลกเปลี่ยน มาอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย และสถานการณ์โลก


แต่เชื่อเถอะ ในสถานการณ์ร้อน ที่ “ลูกสาว” กำลังจะถูกจับ “ล่อนจ้อน” ในสภา “ทักษิณ” คงไม่มีอารมณ์มาคุยเรื่องเศรษฐกิจ นอกจากหาทางปกป้องลูกสาว

ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” ที่เพิ่งเข้าสภาเป็นครั้งแรก (27 ก.พ.) เพื่อไปตอบกระทู้เรื่อง การปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ถือเป็นการซักซ้อม เตรียมรับศึกซักฟอก

โอกาสนี้ ได้พูดถึงการตกเป็นเป้าอภิปราย ว่า ไม่เกินคาดหมายที่โดนคนเดียว และไม่กังวลกับ ข้อกล่าวหาว่าเป็น “นั่งร้าน” ให้ “ทักษิณ” เป็นผู้บริหารตัวจริง มั่นใจไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมชี้แจงทุกเรื่อง แต่ไม่รับประกันว่าตอบไปแล้วจะถูกใจหรือไม่ อะไรที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับกระทรวงไหน ก็จะให้เจ้ากระทรวงนั้น เป็นคนตอบ ตอบคนเดียวไม่ไหว เดี๋ยว“คอแห้ง”

“นายกฯอิ๊งค์” ยอมรับแบบหน้าชื่น ไม่มีเคอะเขินว่า งานนี้ต้องจัดตั้ง “องครักษ์พิทักษ์นายกฯ” แน่นอน เพราะตัวเองยังมือใหม่ ทุกคนต้องช่วยกัน

ส่วนจะให้ “ทักษิณ” มาเล่นบท “หัวหน้าองครักษ์” เองหรือไม่ นายกอิ๊งค์ ถึงกับ ร้อง... โอ๊ย ไม่แล้วค่ะ ... ถ้าทักษิณ จะเป็นองครักษ์คงไม่ใช่เรื่องที่มาตอบคำถามในสภา แต่ถ้าขอคำแนะนำ ขอคำปรึกษานอกสภาฯ นั่น 100%

ก็ต้องติดตามกันว่า บรรยากาศการประชุมสภาฯ ในวันอภิปรายจะอลเวงแค่ไหน เชื่อว่า แต่ละคนก็อย่ากจะเล่นบท “องครักษ์” ให้เข้าตานายใหญ่ ...เพราะมีให้เห็นมาแล้ว ที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ประท้วงด้วยข้อบังคับการประชุมสภา ก็สามารถได้ดิบได้ดี ได้เป็นใหญ่เป็นโต

สำหรับกับพรรคร่วมฝ่ายค้านานนั้น เมื่อถึงเวลาโหวต นายกฯมั่นใจว่า ไม่มีการลอยแพกันแน่นอน

ทั้งนี้ การอภิปรายจะเริ่มขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. ระหว่างนี้ ก็ทำสงครามจิตวิทยากันไปก่อน