xs
xsm
sm
md
lg

เกม“โจ๊ก” โหนกระแสคดีแตงโม ปฏิบัติการเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น กะได้ทั้งแสงและกระทบชิ่งฟาด ผบ.ตร. ** พรรคร่วมฯ กินข้าวการละคร ไว้ดูตอนอภิปรายฯ สนุกแน่ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล – “แตงโม” ภัทรธิดา - แพทองธาร ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ เกม“โจ๊ก” โหนกระแสคดีแตงโม ปฏิบัติการเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น กะได้ทั้งแสงและกระทบชิ่งฟาด ผบ.ตร.

กรณี “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวชื่อดัง ที่กำลังเป็นกระแสสังคมให้ความสนใจขึ้นมาใหม่ว่า หลังเกิดเหตุเมื่อ 3 ปีก่อน ขณะนั้นตนอยู่ในฐานะ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน งานนี้เป็นหน้าที่ตัวเอง บังเอิญขณะนั้นมี รอง ผบ.ตร. ที่คุมงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งปัจจุบันเกษียณแล้ว จึงโทร.ไปปรึกษาเพื่อจะลงไปดูงานเอง

แต่วันถัดมารอง ผบ.ตร. คนดังกล่าวบอกว่าคดีนี้ ทะแม่งๆ อย่ายุ่งดีกว่า ตนเลยไม่เข้าไปยุ่ง ทำให้เรื่องการกำกับดูแลทั้งหมดอยู่ที่ ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตนมองว่าคดีนี้มีเงื่อนงำเยอะ เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ

งานนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “โจ๊ก” มาโหนกระแสแตงโม ในตอนนี้ต้องการอะไร ?

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
นี่ต้องบอกว่า คนอย่าง “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ทำอะไรไม่มีความบังเอิญอยู่แล้ว หากตั้งใจเลือกจังหวะนี้ออกมาพูด ในคดีที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เพราะตัวเองหลังชนกำแพง จากคดีเอี่ยวเว็บพนันที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของป.ป.ช. และผลสอบวินัยร้ายแรง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผบ.ตร. จึงต้องดิ้นรนหาพื้นที่สื่อ และ หล่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่ในแสงของสังคม

พูดง่ายๆ ว่า “โจ๊ก” ต้องการแสงเพื่อโน้มน้าวสังคมให้เชื่อว่า ตัวเองเป็นตำรวจน้ำดีที่ถูกกลั่นแกล้ง จะเห็นได้จากคำพูดที่ “เอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น” ว่า คดีนี้มีเงื่อนงำเยอะ เชื่อไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ คดีนี้ทะแม่งๆ ตัวเองเลยไม่เข้าไปยุ่ง ทำให้เรื่องการกำกับดูแลทั้งหมดอยู่ที่ ผบ.ตร. ซึ่งตอนนั้นก็คือ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

“แตงโม” ภัทรธิดา
นอกจาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แล้ว การพูดตำหนิตีเตียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติของ “โจ๊ก” ยังแฝงนัยยะกระทบชิ่งมาฟาด “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร. คนปัจจุบันที่ “โจ๊ก” ผูกใจเจ็บแค้น อีกด้วย

“โจ๊ก” ย่อมคำนวณมาดิบดี เคลื่อนไหวโหนกระแสแตงโม ที่สังคม “สงสัย” ทั้งการเสียชีวิต และการทำหน้าที่ของตำรวจ “เข้าทาง” ตัวเองที่เคยเป็นรอง ผบ.ตร. มีแต่ได้กับได้

ยิ่ง “คดีแตงโม” มี “บ้านพระอาทิตย์” โดย “อาจารย์ปานเทพ” ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นหัวหอกทำหน้าที่สื่อ ตั้งประเด็น และจับพิรุธรายละเอียดคดี จนคดีแตงโมกลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชน และ “ดีเอสไอ” ก็เข้ามารับหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจ “โจ๊ก” จึงไม่ต้องออกแรงมาก แค่โผล่มาต่อขบวนแบบเนียนๆ ก็จะได้รับคำชื่นชมจากมวลประชา

แต่ “โจ๊ก”จะเนียนอย่างไร ก็คงลืมไปว่ามีคนรู้ทัน!

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
โดย “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ว่า ...ชี้แจงทีมบ้านพระอาทิตย์ กับคดีแตงโม

1. บ้านพระอาทิตย์ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับการเคลื่อนไหวคดีแตงโมของ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” ที่เพิ่งจะออกมาเคลื่อนไหวคดีแตงโมในเวลานี้ นอกจากนั้น การตรวจสอบพฤติการณ์และคดีความต่างๆ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ของสื่อในเครือบ้านพระอาทิตย์ ยังคงเป็นปกติเหมือนเดิมทุกประการ

2. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาใดๆ ในคดีแตงโมในอดีต และได้พ้นอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ก็อยู่ระหว่างการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ผู้ใดหรือไม่ และมีการกระทำความผิดตามบัญชีแนบท้ายความผิดคดีพิเศษหรือไม่ และเราสนับสนุนและเชื่อมั่นกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ทำหน้าที่นี้ให้ได้อย่างดีที่สุด

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
แต่เนื่องจากในปัจจุบัน สังคมและประชาชนจำนวนมากมีความไม่เชื่อมั่นต่อการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ จึงขอเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงความจริงใจเป็นเจ้าภาพด้วยตัวเองเพื่อตั้งคณะกรรมการในการศึกษาแสวงหาความจริง ชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงรวบรวมความเห็นของทุกภาคส่วนของประชาชนและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปฏิรูป หรือแก้ไข เพื่อปรับปรุงการสืบสวน สอบสวนให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และมีความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้พัฒนาและก้าวหน้าขึ้นต่อไป เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ในการตรวจสอบและปฏิรูปตัวเองไปด้วย

สรุปคือ เราสนับสนุนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐ และทุกคนที่เป็นผู้กระทำความผิดคดีแตงโม แต่สนับสนุนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการตรวจสอบและปฏิรูปตัวเองควบคู่กันไป

ลงชื่อ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

นอกจากนี้ อาจารย์ปานเทพ ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมอีกว่า "บ้านพระอาทิตย์” สนับสนุน DSI ให้สืบสวนหาเจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำความผิดทุกคนในคดีแตงโม แต่สนับสนุนให้ สตช.ตรวจสอบและปฏิรูปตัวเองควบคู่กันไปด้วย
สรุปว่า งานนี้ต้องรู้ทัน “โจ๊ก” นะครับนะ

แพทองธาร ชินวัตร
++ พรรคร่วมฯ กินข้าวการละคร ไว้ดูตอนอภิปรายฯ สนุกแน่ !!

เมื่อสองวันก่อน (25ก.พ.) ก็ลุ้นกันหนักตลอดช่วงบ่ายว่า “บอร์ดดีเอสไอ” จะรับคดีฮั้วเลือกสว.ไว้เป็น “คดีพิเศษ” หรือไม่ แต่สุดท้ายที่ประชุมให้เลื่อนการตัดสินไปเป็นสัปดาห์หน้า บอกว่ารอเรียกให้ กกต. มาชี้แจงก่อน

เรื่องนี้ก็รู้กันอยู่ว่า เป็นเรื่องระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล คือ “เพื่อไทย กับภูมิใจไทย” กำลังเล่นเกมต่อรองผลประโยชน์อยู่ ไม่ได้มีเรื่องของประชาชนเลย

ตกเย็นวันเดียวกัน ก็มี “ดินเนอร์” พรรคร่วมรัฐบาล ตามวาระบอกว่าเป็นการพูดคุย หารือเพื่อรับมือศึกซักฟอก ที่ฝ่ายค้าน กำหนดจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 27 ก.พ.นี้

หลังปาร์ตี้ ดินเนอร์กัน บรรดาแกนนำพรรคร่วมก็ออกมายืนเป็นวอลเปเปอร์ ให้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ รัฐบาลยังมั่นคง ไม่ห่วงเรื่องโหวตหลังการอภิปราย รับรองไม่มีแทงข้างหลังกันแน่

วันรุ่งขึ้น “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ตอนนี้ “รักนายกฯมากที่สุด” ส่วนพ่อนายกฯ นั้น "ทั้งรัก ทั้งกลัว"

ในทางการเมืองนั้น ว่ากันว่า ถ้าไม่มีเรื่องก็คงไม่นัดกินข้าว “การกินข้าวการละคร” ก็เพียงเพื่อให้เห็นภาพ ได้มีโอกาสออกสื่อพร้อมกันว่า ยังรักกันดี ... ทั้งที่รู้อยู่ว่า ที่ยิ้มแย้มให้กันนั้น เบื้องหลังคือ “แยกเขี้ยว” ใส่กัน แต่เพื่อผลประโยชน์จึงยังต้องกอดคออี๋อ๋อ กันอยู่

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
สำหรับการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 นั้น “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ออกมาแย้มไต๋ว่า มีรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายจะถูกอภิปราย 10 คน เป็นใครบ้างนั้น ให้รอเฉลยตอนยื่นญัตติ และจะขอเวลาในการอภิปราย 5 วัน
แถมยังเล่นสงครามจิตวิทยาว่า ตอนนี้มีข้อมูลจากพรรคร่วมรัฐบาลหลั่งไหล ส่งมาให้ทิ่มแทงรัฐมนตรีกันเองด้วย

“หัวหน้าเท้ง” รับประกันงานนี้ ไม่มีกร่อย!!

ส่วนท่าทีจากพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน บอกว่าศึกนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เอาจริง จะสวมวิญญาณ “ทหารเสือ” มานั่งบัญชาการเอง เพียงแต่ไม่ได้เป็นผู้อภิปรายเท่านั้น

พุ่งเป้าไปที่ 4 เรื่องสำคัญ คือ เรื่องที่ดินอัลไพน์ , เรื่องนักโทษเทวดา ป่วยทิพย์ ที่ไปพักรักษาตัว ชั้น 14 รพ.ตำรวจ , เรื่องกาสิโนคอมเพล็กซ์ และ เรื่องเอ็มโอยู 2544 ขุมทรัพย์ทางทะเลไทย-กัมพูชา

จะว่าไปแล้ว ทั้ง 4 เรื่องจู่โจมไปที่ตัว “นายกฯอิ๊งค์” ล้วนๆ เพื่อกระทบไปถึงผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล... จะมีก็เพียง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม เท่านั้นที่เกี่ยวโยงกับเรื่องชั้น 14

ล่าสุด มีรายงานว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านปรับแผน พลิกเกมใหม่ ที่ก่อนหน้านี้บอกจะซักฟอก 10 รัฐมนตรีนั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็น “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว

ฝ่ายค้านอ้างว่าขอเวลาอภิปรายไป 5 วัน แต่ฝ่ายรัฐบาลจะให้แค่ 2 วัน แล้วจะอภิปรายรัฐมนตรีครบ 10 คนได้อย่างไร อีกทั้งประชาชนที่ติดตามการอภิปรายอาจสับสนในเนื้อหา ความหนักเบาของข้อมูล

ที่สำคัญคือ เมื่ออภิปรายรัฐมนตรี “นายกฯอิงค์” ย่อมได้โอกาส ลอยตัวเหนือปัญหา จะพาดพิงอย่างไร ก็ไม่ยอมมาตอบ โดยให้รัฐมนตรีตอบไปกันเอง

อย่างนี้ สู้อภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวไปเลยจะสนุกกว่า

ลงนึกภาพตัวตน “นายกฯอิ๊งค์” ที่ถูกวิพากวิจารณ์เรื่อง ความรู้ความสามารถ ทัศนคติ การวางตัว การแต่งกาย ตลอดจนสิ่งที่ได้แสดงออกมาสู่สาธารณะ ในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงผลงานในฐานะนายกรัฐมนตรี การอภิปรายครั้งนี้ก็น่าตื่นเต้น ชวนติดตามแล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่ออภิปรายถึงการทำงาน และแผนงานที่กำลังจะทำ ก็ยังสามารถโยงไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นได้ รัฐมนตรีคนไหนผิดชัด ก็จะมีดาบสอง ยื่นร้อง ป.ป.ช. เชือดต่อไป

ชัดที่สุดในตอนนี้ก็คือ ความล้มเหลวในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ ปัญหาการขบเหลี่ยม ปีนเกลียวกันในพรรคร่วมรัฐบาล เกมต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และครอบครัว ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ ประชาชนเลย

พูดง่ายๆ ว่า รัฐบาลนี้ ยอมแลกผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และครอบครัว จนทุกอย่างดูเละเทะไปหมด

ฝ่ายค้านยังหวังผลว่า การอภิปราย “นายกฯอิ๊งค์” เพียงคนเดียว เมื่อถึงเวลาโหวต จะระทึกใจมากกว่า เพราะถ้าหากข้อมูลของฝ่ายค้านมีความชัดเจน ยังมีลุ้นว่าพรรคภูมิใจไทย ของ“อนุทิน ชาญวีรกูล” และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี ดีเอ็นเอของ “ลุงตู่” และ “ลุงกำนัน” อาจโหวตสวน จนนำไปสู่การยุบสภาได้

ก็ต้องติดตามกันว่า ศึกอภิปรายครั้งนี้ “พรรคประชาชน” ภายใต้การนำทีมของ “หัวหน้าเท้ง” จะจริงจังแค่ไหน หรือจะเป็นได้แค่ “การละคร”อีกตามเคย

เพราะมี “ดีลลับ” ระหว่างเจ้าของ “พรรคส้ม”ตัวจริง กับ“เจ้าของรัฐบาล” ตัวจริง อย่างที่มีเสียงลือ เสียงเล่าอ้างกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น