นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ Global Soft Power Talk : The New Rules of Soft Power พลิกโฉมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยไอเดียระดับโลก บอกไทยไม่ใช่แค่ดินแดนรอยยิ้ม-ปลายทางท่องเที่ยว พร้อมเป็นผู้นำ Soft Power โลก ชวนต่างชาติลงทุน ลั่นไม่ใช่แค่ผลตอบแทนระยะสั้น แต่เสนออนาคตที่มั่นคง
วันนี้ (24 ก.พ.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปิดงานเสวนา Global Soft Power Talk : The New Rules of Soft Power ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้กล่าวในงาน Global Soft Power Talk ที่จัดเป็นครั้งแรก เพราะเวทีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของหนทางที่ประเทศไทยจะกำหนดบทบาทของตนเองบนเวทีโลกผ่าน ความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และนวัตกรรม ตนขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อ THACCA และ Melco Resorts & Entertainment ที่ได้ร่วมกันจัดงานสำคัญนี้ขึ้น รวมถึงขอขอบคุณวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน ทั้ง Alain Ducasse, Mathieu Lehanneur, Viviana Muscettola, Giuliano Peparini, Richard Christiansen และ ไมค์ ไวท์ ที่ได้มาร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ที่มีคุณค่าแก่พวกเรา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า Soft Power ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นพลังที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และโลกอย่างแท้จริง ประเทศไทยเป็นประเทศ ที่มี ประเพณี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม มายาวนาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านทั้งงานศิลปะ อาหาร การต้อนรับ และวิถีชีวิตของเรา ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่วันนี้ เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
แม้ว่าประเพณีและวัฒนธรรมจะเป็นตัวกำหนดอัตลักษณ์ของเรา แต่มันไม่ควรเป็นข้อจำกัดของอนาคตเรา ในอดีตโลกอาจรู้จักประเทศไทยเพียงแค่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม หรือจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่งดงาม แต่วันนี้เรากำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และนวัตกรรม หลายทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตจากภาคการผลิต เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศที่ลงทุนในด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และศักยภาพของประชาชนจะเป็นประเทศที่มีอนาคต
Soft Power ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมหรือการเมือง แต่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศที่สามารถใช้ Soft Power ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ขยายอิทธิพลในเวทีโลก แต่ยังสร้างงาน ดึงดูดการลงทุน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตนไปข้างหน้า และนี่คือสิ่งที่ประเทศไทยกำลังมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้น
รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ และได้กำหนด 13 อุตสาหกรรมหลัก ที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อน ได้แก่ การท่องเที่ยว อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น เทศกาล กีฬา ดนตรี ศิลปะ การออกแบบ เกม หนังสือ สุขภาพ และศิลปะการแสดง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเหล่านี้ ไม่สามารถเติบโตได้หากปราศจากบุคลากรที่มีศักยภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า Soft Power คือ เรื่องของ “คน” เราต้องสร้างโอกาสให้กับประชาชน ให้มีเครื่องมือ ทักษะ และความรู้ ในการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจนี่จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลได้เปิดตัวโครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ซึ่งเป็นโครงการระดับชาติที่มุ่งพัฒนาทักษะใหม่ให้กับประชาชนกว่า 20 ล้านคน ภายในปี 2570 โดยมีหลักสูตรฝึกอบรมฟรีกว่า 100 หลักสูตร ครอบคลุมทั้งด้านการโรงแรม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สื่อดิจิทัล การออกแบบ สุขภาพ และอื่นๆ เราเชื่อว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์จะช่วยให้รากฐานของการพัฒนายั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก
ประเทศไทยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ครัวของโลก” อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก ไม่เพียงแค่รสชาติที่อร่อย แต่ยังดีต่อสุขภาพ และเต็มไปด้วยมิติทางวัฒนธรรม แต่เราต้องก้าวไปให้ไกลกว่าการเป็นเพียงประเทศผู้ส่งออกอาหาร เราต้องยกระดับอาหารไทย ให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่สะท้อนถึงศาสตร์แห่งโภชนาการ ความยั่งยืน และสุขภาพ
อาหารไทยไม่ได้แค่อร่อย แต่ยังดีต่อสุขภาพ
อาหารไทยไม่ใช่แค่มื้ออาหาร แต่มันคือประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ด้วยเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ก้าวหน้า ห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความโปร่งใสจากบล็อกเชน เราจะทำให้โลกจดจำอาหารไทยในฐานะนวัตกรรมที่มีคุณภาพ
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งสุขภาพระดับโลก เราเป็นผู้นำด้านการแพทย์และสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งนวดแผนไทย การแพทย์สมัยใหม่ และนวัตกรรมทางการแพทย์ ในราคาที่เข้าถึงได้ เรามุ่งหวังให้ ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของสุขภาพ ไม่ใช่แค่สถานที่รักษาโรค แต่เป็นศูนย์กลางของการมีสุขภาพดี โลกคือเวทีของเรา และประเทศไทยพร้อมที่จะแสดงศักยภาพของตน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง และดนตรีของไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอุตสาหกรรมเกมของไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม การมีแต่ความคิดสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียวไม่พอ เราต้องรู้จัก การตลาด การประชาสัมพันธ์ และการนำสิ่งเหล่านี้ไปสู่ระดับโลก นี่คือ เหตุผลที่ THACCA จึงมีบทบาทสำคัญ THACCA เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาครัฐ เอกชน และนักลงทุนทั่วโลก เพื่อให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยเติบโตไปอย่างมั่นคง Soft Power ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่มันต้องการ ความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาลต่อรัฐบาล ธุรกิจต่อธุรกิจ รวมไปถึงนักสร้างสรรค์ และนักลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขอบอกกล่าวไปยังพันธมิตรต่างประเทศ ว่า ประเทศไทยพร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจ โดยมาร่วมกันกำหนดอนาคตของ Soft Power มาลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ประเทศไทยไม่ได้เสนอผลตอบแทนระยะสั้น แต่เรานำเสนออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนไปด้วยกัน Soft Power ของไทย ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เรามี แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถเป็นได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรม ที่อยู่เคียงคู่การเปลี่ยนแปลง ความสร้างสรรค์ และโอกาสทางเศรษฐกิจซึ่งเวลานั้นมาถึงแล้ว ขอให้เราได้ทำงานร่วมกัน สร้างสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน และเติบโตไปด้วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยได้มีที่ยืนในฐานะเป็นผู้นำของโลกด้าน Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์
นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณ Lawrence ที่ให้การสนับสนุน THACCA ในการจัดงาน Global Soft Power Talk เราได้ฟังเคล็ดลับจากวิทยากร ได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับเราทุกคนในที่นี้ และผู้ที่รับชมอยู่บนออนไลน์ และขอบคุณ THACCA ที่ร่วมกันจัดงานนี้