“สมศักดิ์” ยัน ปมบุคลากรทางการแพทย์ พูดไม่ดีกับผู้ป่วย ต้องปรับ-อบรมต่อเนื่อง แต่ขอให้เข้าใจการทำหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมมอบนโยบาย Health Data Hub ตั้งเป้าเป็นระบบเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ชี้เพื่อประโยชน์การรักษาประชาชน ลั่น ข้อเสนอดึงสิทธิรักษาประกันสังคม ให้ สปสช.บริหาร พร้อมมา ก็พร้อมรับ
วันนี้ (24 ก.พ. 2568) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานมอบนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพ (Health Data Hub) โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต และผู้บริหารกระทรวง เข้าร่วม ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพ (หรือ Health Data Hub) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญ ในการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพทุกระดับ ตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจนถึงโรงพยาบาลศูนย์ ทำให้ข้อมูลมีประสิทธิภาพ สามารถใช้สนับสนุนการตัดสินใจของบุคลากรทางการแพทย์ การกำหนดนโยบาย การให้บริการที่ครอบคลุมและเท่าเทียมมากขึ้น โดยปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และตอบสนองการให้บริการในพื้นที่ ด้วยแผนที่ข้อมูลสุขภาพ (หรือ Thailand Health Atlas) ในการดูแลป้องกันผู้ป่วย 9 กลุ่มโรค
“นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มคุณภาพข้อมูล ด้วยระบบทะเบียนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs ที่จะช่วยให้การวินิจฉัย และตรวจสอบสถานะผู้ป่วย มีความถูกต้อง แม่นยำ สามารถนำไปใช้คาดการณ์โรค และจัดสรรทรัพยากร ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมเชื่อมั่นว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ จะช่วยเตรียมความพร้อมของบุคลากร ในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพแบบไร้รอยต่อ ยกระดับการให้บริการในยุคดิจิทัล และเสริมสร้างความมั่นใจในระบบสุขภาพของประเทศ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบข้อมูลดิจิทัล ซึ่งเป็นระบบที่ชัดเจน ทั่วถึง โดยข้อมูลในอดีต เรามีระบบที่เชื่อมโยงด้วยสายไฟ และสายโทรศัพท์ แต่ปัจจุบันเชื่อมโยงด้วยไวเลส ที่เชื่อมโยงด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเรากำลังเชื่อมโยงข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง รวมถึงเชื่อมโยงเพื่อไม่ต้องเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก โดยระบบนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ขณะเดียวกัน ระบบนี้ ยังสามารถเก็บข้อมูล NCDs ทั้งความดัน โรคอ้วน เบาหวาน โรคหลอดเลือด มะเร็ง ไต ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่อยู่ในระบบทั้งหมด จะง่ายต่อการรักษา
เมื่อถามว่า ในการปักหมุดข้อมูลสุขภาพของประชาชน จะให้ อสม.ช่วยเก็บข้อมูลใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่ง อสม.ที่เราประกาศว่าต้องเก็บตัวอย่าง หรือ แนะนำประชาชนนับคาร์บ ให้ได้ 50 ล้านคน โดยเมื่อครบ เราก็อาจมีรางวัลให้ เพราะกฎหมาย อสม. ทางกระทรวงการคลัง ก็ผ่านการยอมรับให้มีบัญชีรับจ่ายในกฎหมาย อสม. ดังนั้น หากขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่าย NCDs ได้ ก็อาจจะตอบแทนอสม. ด้วยการนำเงินที่ลดค่าใช้จ่าย ไปตรวจสุขภาพฟรีให้กับ อสม. เมื่อถามต่อว่า ระบบจะช่วยลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ได้ด้วยใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเรามีระบบเข้ามา ก็จะช่วยตั้งแต่การรับคิว ไม่ต้องสร้างพื้นที่รองรับเพิ่มด้วย
เมื่อถามถึงกรณีมีการสะท้อนว่า บุคลากรทางการแพทย์ พูดไม่ดีกับผู้ป่วย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ต้องปรับในส่วนของการให้มีจริยธรรมเหมือนของนักการเมือง ซึ่งในทุกปีต้องมีการอบรมตลอด แต่ก็ต้องร่วมกัน โดยประชาชน ก็ต้องเข้าใจด้วย เมื่อถามต่อว่า ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจพยาบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งสองด้าน มีจุดแข็ง และจุดอ่อน โดยผู้บริหารก็คุยกันแล้วว่า ต้องทำทุกอย่างให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมร่วมกัน ซึ่งจะไปติเตียน ประชาชน หรือ พยาบาล ก็ไม่ดี ดังนั้น เราต้องมาทำด้วยจิตใจร่วมกัน
เมื่อถามว่า มีกระแสชื่นชมบัตรทอง จึงมีข้อเสนอให้ดึงสิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคมให้ สปสช.บริหารจัดการ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นเรื่องเข้าครม. ไม่สามารถรวมกองทุนเข้ากันได้ 3 กองทุน ซึ่งเรื่องนี้ มีกฎหมายพยายามให้รวมมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ เมื่อถามต่อว่า ใจอยากให้รวมใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า บางครั้งสิทธิเสรีภาพในระบบประชาธิปไตย จะไปบังคับจะเป็นเรื่อง แต่พร้อมมา ก็พร้อมรับ โดยพร้อมพัฒนาร่วมกัน