xs
xsm
sm
md
lg

"อนันต์"อดีต สส.เพื่อไทย อุดรธานี ยื่น "วันนอร์-ป.ป.ช." สอบจริยธรรม สส.ไทยสร้างไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีต สส.เพื่อไทยอุดรธานียื่น "วันนอร์-ป.ป.ช."สอบจริยธรรม "หรั่ง ธุระพล" ส.ส.ไทยสร้างไทยหลังศาลตัดสินจำคุกคดีหมิ่นประมาทช่วงเลือกตั้งหวังให้เป็นบรรทัดฐาน


นายอนันต์ ศรีพันธ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนเองได้ยื่นร้องขอให้ตรวจสอบจริยธรรม นายหรั่ง ธุระพล ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย ต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก นายหรั่ง ได้ถูกศาลจังหวัดอุดรธานีตัดสินในความผิดหมิ่นประมาทตนเอง โดยให้ จำคุก 3 เดือน ปรับ 15,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี และให้จำเลยคือนายหรั่ง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนเอง 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันทำ ละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ รวมกับให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาบางส่วนพอได้ใจความในหนังสือพิมพ์ ท้องถิ่นในเขตจังหวัดอุดรธานีติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน

นายอนันต์ กล่าวอีกว่า แม้โทษในเรื่องการหมิ่นประมาท จะไม่ทำให้นายหรั่ง ต้องพ้นสมาชิกสภาพการเป็นส.ส.ในทันทีที่ถูกศาลติดสินจำคุก แต่เห็นว่าผู้ที่จะมาเป็นส.ส.เพื่อรับใช้ประชาชน ประเทศชาติ จะต้องมีจริธรรมและคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่ไปพูดจาปราศรัย กล่าวหาคนอื่นที่ปราศจากข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดความเสียหาย และศาลก็ได้ตัดสินแล้ว จึงน่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดในเรื่องของจริยธรรม จึงมาร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสอบสวนเอาผิด

"เรื่องนี้ ต้องทำให้เป็นตัวอย่าง เป็นบรรทัดฐาน เพื่อไม่ให้ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในอนาคต กระทำผิดอีก โดยต้องมีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเองมากขึ้นเพื่อไม่ให้ผิดจริยธรรม"นายอนันต์ กล่าว

สำหรับคำพิพากษาโดยย่อนั้น ศาลจังหวัดอุดรธานีได้อ่านคำพิพากษาเมื่อ วันที่ 16 เดือนกันยายน 2567 ความอาญา ระหว่าง นายอนันต์ ศรีพันธุ์ โจทก์ นายหรั่ง ธุรพล จำเลย เรื่องหมิ่นประมาท โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 เวลากลางวัน จำเลย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ปราศรัยหาเสียงต่อหน้ากลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้านใส่ความโจทก์ใจความสำคัญว่า โจทย์ ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้ง ที่ 3 จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้เรียกเงินสิบล้านบาทจากจำเลยเพื่อจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนั้น และให้จำเลยลงสมัครแทนในสังกัดพรรคดังกล่าว

ทั้งนี้มีการต่อรองเงินกันจนเหลือห้าล้านบาท แต่ภายหลังโจทก์ แจ้งยกเลิกข้อตกลงนั้นเสีย จำเลยปราศรัยอีกว่าโจทก์เป็น สส.แล้วไม่เคยเห็นหน้าจะทำยังไงก็ได้ ถึงวันลงสมัคร จะใส่เสื้อพรรคเพื่อไทยลงสมัครคนอำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอมก็เลือกเหมือนเดิม โจทก์ดูถูกคนอำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม และปราศรัยว่าสามสี่ปีโจทก์เป็น สส.ไม่เคยมาเยี่ยมจนถึงเดือนสุดท้ายจะเอาคะแนนเอา ต้นมะขามมาแจกบ้านละ 2 ตัน อันเป็นเท็จและเป็นการใส่ร้ายโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูก เกลียดชัง จนจำเลยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 3 ดังกล่าวเหตุเกิดที่ตำบลเกิด ที่ตำบลบ้านโคก อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90,322, 328,332

ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทย์ 10,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 22 เมษายน 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ด้วย ค่าใช้จ่ายของจำเลย ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าที่จำเลยปราศรัยทำนองว่าโจทก์เรียกจำเลยไปพบบริเวณที่นาแล้วพูดขอเงินจาก จำเลยเพื่อแลกกับการที่โจทก์จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเดิมและให้จำเลยมาลง สมัครสังกัดพรรคเพื่อไทยแทนนั้น เป็นลักษณะกล่าวหาว่าโจทย์เรียกรับทรัพย์สินเพื่อให้สมาชิกผู้ใดลงสมัคร หรือไม่ลงสมัครรับเลือกหรือเพื่อให้เสนอชื่อผู้ใดเข้ารับการเลือกอันเป็นการฝ่าฝืน พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 54

แต่จำเลยไม่ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้มี อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นการตอบคำถามของผู้ฟังเพื่อแสดงให้เห็นถึงความยากในการ จะเข้าเป็นผู้สมัครพรรคเพื่อไทย แต่จำเลยก็ไม่ได้พูดถึงระเบียบขั้นตอนหรือกระบวนการเข้าเป็นผู้สมัครของ พรรคดังกล่าว ทำให้ผู้ฟังซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 ที่โจทก์และจำเลยลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าใจ ว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากผู้สมัครคนอื่นและทำผิดกฎหมายและที่จำเลยปราศรัย ทำนองว่าโจทก์ก็ไม่เคยมาเยี่ยมชาวบ้านจนถึงเดือนสุดท้ายก็เอาต้นมะขามมาแจกนั้น

การแจกต้นมะขามเป็น โครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี จำเลยซึ่งเคยเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตพื้นที่ เลือกตั้งน่าจะทราบถึงที่มาของโครงการดังกล่าว จำถึงเป็นการใส่ร้ายโจทก์ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัย มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เมื่อจำเลยปราศรัยต่อหน้าอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้านประมาณ 30 ถึง 40 คน หรือผู้อยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าถ้อยคำที่จำเลยปราศรัยบางตอนเป็นการ

ใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์จำเลยจึง ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 วรรคหนึ่ง ได้ความว่าโจทก์ เคยรับราชการตำแหน่งเกษตรจังหวัดอุดรธานี ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต เลือกตั้งจังหวัดอุดรธานี 3 สมัย การที่จำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้านและเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่โจทก์ลงสมัครย่อมก่อให้เกิดพความเสียงหายต่อ ชื่อเสียงเกียรติคุณและความน่าเชื่อถือของโจทย์ จึงกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้ 300,000 บาท ให้จำเลยลง โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเขตจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จำคุก 3 เดือน ปรับ 15,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันทำ ละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาบางส่วนพอได้ใจความในหนังสือพิมพ์ ท้องถิ่นในเขตจังหวัดอุดรธานีติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย


กำลังโหลดความคิดเห็น