วันนี้( 22 ก.พ.)ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวถึงDeepSeek กรณีศึกษา AI War ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาว่าวันนี้มาถึงจุดที่จีนเริ่มผงาดด้านเศรษฐกิจในเวทีโลก ซึ่งสร้างความหวาดหวั่นให้กับตะวันตกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างประเทศ โดยปัจจุบัน จีนมีพลานุภาพใกล้เคียงกับสหรัฐอเมริกามากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้กลุ่มประเทศตะวันตกเร่งพยายามสกัดจีนในทุกระนาบไม่ให้เติบโตขึ้นมาเป็นมหาอำนาจแข่งกับสหรัฐฯ ซึ่งทั้ง 2 มหาอำนาจสู้รบกันในทุกระนาบยกเว้นการใช้อาวุธ โดยในขณะนี้กำลังทำสงครามด้านเทคโนโลยี หรือ Tech War กล่าวคือ เป็นสงครามระนาบเทคโนโลยี ที่เป็นตัวกำหนดทั้งผลิตภัณฑ์ สินค้าบริการทางเทคโนโลยีในโลกสันติและในโลกสงคราม รวมถึงการกำหนดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการต่อสู้ต่อกัน ดังจะเห็นว่า สงครามเทคโนโลยีนั้นสู้กันด้วยเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกว่า AI War
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทเทคฯ สัญชาติอเมริกา Open AI ได้เปิดตัว AI ชื่อ ChatGPT ออกมาก่อน สร้างความบรรลือโลกว่าสามารถประมวลข้อมูลมาจากทุกแหล่งนำมาเรียบเรียงสรุปความให้ผู้ใช้ จนคนจำนวนมากมักจะถามทุกเรื่องกับ ChatGPT ตอนนี้ จีนถูกสกัดจากตะวันตก ไม่ให้คนจีนไปเรียนด้านเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกของสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกที่เป็นพันธมิตร ไม่ให้คนจีนทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ พร้อมกับตัดความสัมพันธ์บางระดับ เพื่อชะลอไม่ให้จีนก้าวหน้าและพัฒนาได้ช้าลง เมื่อจีนตระหนักถึงความพยายามของตะวันตกในการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี ส่งผลให้มีการเร่งพัฒนา AI ภายในประเทศให้ก้าวหน้าเต็มที่ ต่อมา นายเหลียง เหวิน เฟง ได้ก่อตั้งและปล่อย AI ที่ชื่อ DeepSeek ออกมาวันแรก สามารถเขย่าโลกทำคนตกใจ จนทำให้ตลาดหุ้นอเมริกาปั่นป่วน หุ้น NVIDIA บริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่ร่วงระนาว 17% ในวันเดียว สร้างความผันผวนและความตกตะลึงแก่โลกเทคโนโลยีอย่างมาก โดย DeepSeek ใช้ทุน 6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า Chat GPT ที่ใช้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หลายเท่า กล่าวคือ DeepSeekมีต้นทุนต่ำกว่าถึง 95% ใครต้นทุนต่ำกว่าย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า
ทั้งนี้แม้ว่า DeepSeek จะยังอยู่ในเวอร์ชันแรกและยังไม่เทียบเท่าChatGPT แต่จุดแข็งสำคัญคือการใช้ระบบ Open Source ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถนำไปต่อยอดได้ฟรี ซึ่งแตกต่างจาก ChatGPT ที่คิดค่าบริการสำหรับการใช้งานขั้นสูง อย่างไรก็ตาม AI เป็นเทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูง ทั้งในด้านการพัฒนา การประมวลผล และการรวบรวมข้อมูล ดังนั้น แม้ DeepSeek จะให้บริการฟรีในช่วงแรก แต่มีแนวโน้มที่จะปรับเป็นโมเดลเชิงพาณิชย์ในอนาคต เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ วิเคราะห์ว่า DeepSeek สร้างผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาทางด้านเศรษฐกิจที่ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคง โดย DeepSeek มีอิทธิพลทำให้จีนมีอำนาจต่อรองกับสหรัฐฯ มากขึ้น จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม AI เกิดเป็นความกดดันต่อการเมืองภายในของสหรัฐฯ ที่จะต้องเร่งออกนโยบาย AI ให้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการตอบโต้ต่อ DeepSeek และ AI จีน ด้วยการสั่งแบนไม่ให้หน่วยงานรัฐและประเทศพันธมิตรใช้ DeepSeek ของจีน เกิดการคว่ำบาตรเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI จีนทั้งหมด พร้อมกับลดโอกาสจีนที่จะเข้าถึงบุคลากร AI ระดับสูง โดยจำกัดวีซ่าของนักวิจัย AI จีน ไม่ให้เข้าถึงมหาวิทยาลัยหรือศูนย์วิจัย AI ชั้นนำของสหรัฐฯ ได้ และเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจจะก่อตั้งพันธมิตร AI เพื่อผนึกกำลังพัฒนาระบบ AI ร่วมกันกับบริษัทใหญ่ เพื่อมาสู้กับจีน ทางด้านจีนเอง ก็จะมีการออกมาตรการตอบโต้สหรัฐเช่นกันโดยการเร่งพัฒนา AI ในประเทศและลดการพึ่งพา Open AI (ChatGPT) และ Google โดยใช้เทคฯ DeepSeek ของตัวเอง
ดร.แดน กล่าวด้วยว่า สงคราม AI จะส่งผลกระทบต่อโลกด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยจะเกิดการแข่งขันระหว่าง สหรัฐอเมริกากับจีนที่รุนแรงขึ้น เพราะทั้ง 2 ประเทศกำลังลงทุนมหาศาลในการพัฒนา AI ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ทำให้ภายในปี 2030 ตลาดแรงงานจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่ โดยมีตำแหน่งงานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกว่า170 ล้านตำแหน่ง ประเทศและบริษัทที่มีระบบ AI จะมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นในเวทีการค้า แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการทหารที่จะเกิดสงครามไซเบอร์และการใช้ AI เป็นเครื่องมือบิดเบือนสังคม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่าง DeepSeek กับ ChatGPT เป็นสิ่งที่โลกกำลังจับตาเฝ้ามองต่อไป นี่คือโมเดลของการต่อสู้ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ผ่าน AI War โดยในที่สุดจะเป็น AI Trade War และต้องดูว่าสงครามระยะยาวใครจะชนะระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เพราะหากใครควบคุมเซมิคอนดักเตอร์ได้ ก็กุมเทคโนโลยีโลก และหากใครสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชิปเพื่อประมวลข้อมูลได้อย่างเกิดประโยชน์ ก็บ่งบอกถึงขีดความสามารถของผู้มีชัยครั้งนี้เป็นการทดสอบว่าจีนและสหรัฐฯ ใครจะชนะ และใครที่พัฒนาเทคโนโลยีไปได้มากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะในที่สุด
สำหรับแนวทางการรับมือของไทยในยุคสงคราม AI ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ แนะนำว่า ไทยควรเป็นประเทศที่เป็นกลางทาง AI ใช้ได้ทุกระบบ ซึ่งควรมีการจัดตั้งเขตทดลอง AI พัฒนาใช้เป็นเครื่องมือขยายอิทธิพลเชิงวัฒนธรรม ขยาย Super Soft Power เช่น ด้านอาหาร การท่องเที่ยวดนตรี นอกจากนี้ ไทยควรสร้างกองทุน AI ประสานความร่วมมือ สนับสนุนและพัฒนา AI ภายในประเทศ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ โดยไทยควรเป็นศูนย์กลาง AI Talent Hub ของเอเชียเพื่อพัฒนาคนที่มีความรู้ความสามารถ ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ AI ทั่วโลกให้มาทำงานและตั้งบริษัทในไทยเพื่อเป็นฐานและต่อยอดทำให้เก่งที่สุดในบางด้านที่เราถนัดที่สุด
“ให้ประเทศไทยอยู่บนเวทีการต่อสู้ที่เราเป็นตัวประกอบสำคัญที่โดดเด่นที่สุดในโลก ในบางเรื่องหรือเฉพาะด้านของ AI เพราะไทยอยู่ในโลกแห่งสงคราม AI นี้ร่วมกับประเทศอื่น แต่เราไม่ใช่หัวขบวนที่จะไปปะทะแต่เราจะต้องเป็นเอกเป็นหนึ่งเฉพาะด้านที่ประเทศไทยจะต้องคิดทิศทางของชาติ”ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ระบุ