ศาลปกครองกลาง ยกฟ้องคดีชาวบ้านริมคลองลาดพร้าวฟ้องค้าน กทม.และกรมธนารักษ์ อนุมัติก่อสร้างสะพานข้ามคลองในซอยพลหโยธิน 54/1 เอื้อประโยชน์เอกชน ชี้ เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
วันนี้ (21 ก.พ.) ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องในคดี สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับชาวบ้านริมคลองในพื้นที่เขตสายไหม เขตดอนเมือง เขตบางเขน และเขตหลักสี่ กทม.82คน ยื่นฟ้อง ผอ.สำนักการโยธา กทม. ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. ผอ.เขตสายไหม และอธิบดีกรมธนารักษ์ ว่า ร่วมกันออกใบอนุญาตให้บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองลาดพร้าว (คลองถนน) จากซอยพหลโยธิน 54/1 ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ไปยังที่ดินของ บมจ.ศุภาลัย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ โดยมี บมจ.ศุภาลัย จำกัด เป็นผู้ร้องสอด ศาลให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ รับฟังได้ว่าโครงการการก่อสร้างสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองลาดพร้าว (คลองถนน) ดังกล่าว ไม่เป็นโครงการของรัฐหรือโครงการของรัฐที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนส่วนรวม ที่จะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 และไม่อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนออกคำสั่งอนุญาตให้ก่อสร้างสะพาน แม้คลองลาดพร้าว (คลองถนน) บริเวณที่ผู้ร้องสอดได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างสะพานพิพาทจะมีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ก็ไม่จำต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำสาธารณะนั้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร ตามกฎหมายควบคุมอาคาร ประกอบกับ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า อธิบดีกรมธนารักษ์อนุญาตให้ บมจ.ศุภาลัย ก่อสร้างสะพานพิพาทในที่ดินราชพัสดุ โดยยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กรมธนารักษ์กำหนดอันมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนอื่น อีกทั้ง เมื่อก่อสร้างสะพานพิพาทแล้วเสร็จ สะพานพิพาทดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หาใช่เป็นการก่อสร้างเพื่อโครงการจัดสรรที่ดินอย่างเดียวไม่
ดังนี้ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ผอ.สำนักการโยธา กทม. ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. ผอ.เขตสายไหม และอธิบดีกรมธนารักษ์ ใช้อำนาจพิจารณาอนุญาตให้ บมจ.ศุภาลัย ใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุก่อสร้างสะพานพิพาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชน