ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ผลสอบ “โจ๊ก” ถึงมือกองวินัย “บิ๊กต่าย” ลั่นไม่ยื้อ ถ้าผิดมีสองสถาน “ไล่ออก-ปลดออก”
คืบหน้าผลการพิจารณาสอบสวนวินัยร้ายแรงของ “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์ จากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงส่งถึงกองวินัยเรียบร้อย
ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจเอกสารต่างๆ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองโทษ ที่มีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะเสนอให้ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาในลำดับสุดท้าย ภายในกรอบเวลา 30 วัน
เรียกว่า ไม่มีเวิ่นเว้อยืดย้วย โดย “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ “ ยืนยันไม่มีการยื้อเวลา เพราะว่า มีกรอบเวลาในการพิจารณาไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากมีการยื้อเวลาออกไป กรณีเกิดความเสียหายขึ้น ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ที่ทำหน้าที่คณะกรรมการวินัยในแต่ละระดับ ก็มีความรับผิดชอบของตัวเอง และต้องรู้กรอบเวลาที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร.กำหนด
งานนี้ หากปรากฏผลสอบออกมาว่า “โจ๊ก” ผิดวินัยร้ายแรง ก็จะมีโทษ 2 สถาน คือ “ไล่ออก” โดยที่จะไม่ได้รับสวัสดิการ และสิทธิต่างๆ ตามระเบียบข้าราชการ และ “ปลดออก” โดยที่ยังได้รับสวัสดิการ และสิทธิข้าราชการบางส่วน
ส่วน "โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์สื่อ บอกยังไม่ทราบเรื่องผลมติการสอบวินัยร้ายแรงของตนเอง โดยรอฟังผลมติอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ฟังแค่กระแสข่าว ที่ออกมาอย่างเดียว
กระแสที่ว่า ย่อมเป็นผลสอบที่ค่อนไปทางจะไม่เป็นคุณกับ "โจ๊ก" สักเท่าไหร่ แต่อดีต รอง ผบ.ตร. ก็ยอมรับตอนนี้ทำได้อย่างดีแค่รอดูรายละเอียด การตรวจสอบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหน
ถามว่า “โจ๊ก” เตรียมพร้อมรับแรงกระแทก หรือไม่ หากผลออกมาเลวร้ายสำหรับตัวเอง เจ้าตัวบอกสื่อว่า ไม่ได้เตรียมตัวตั้งรับกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในใจคิดยังไงคงเดากันไม่อยาก
เพราะที่ผ่านมา “โจ๊ก” เคลื่อนไหวดิ้นรนอย่างหนัก เที่ยวไล่ฟ้องคน ทำสงครามนิติกับฝ่ายตรงข้าม และ วางแผนใช้ "ม้าใช้" และ "หมาแก่" เล่นเกมข่าว ท้้งบนดิน-ใต้ดิน ใครๆ ก็รับรู้ เห็นพ้องต้องกันว่า “โจ๊ก” เป็นคนอย่างไร
งานนี้ไม่เกิน 30 วัน ตามกรอบเวลาที่ "บิ๊กต่าย" อธิบายไว้ ผลสอบ “โจ๊ก”จะออกมาอย่างไร โปรดติดตามอย่ากระพริบตา.
++ “อนุทิน”หน้าแตก !! “สุวรรณา” สส.บึงกาฬ ภูมิใจไทย ทุจริตเลือกตั้ง โดนตัดสิทธิ 10 ปี พร้อมให้ชดใช้ 9.8 ล้าน
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2566 จังหวัดบึงกาฬ มี สส.เขตได้ 3 คน 2 ใน 3 คน เป็น สส. พรรคภูมิใจไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ส่วนอีกคนเป็นของ พรรคเพื่อไทย
บ้านใหญ่ของ ถิ่นภูลังกา และหินสามวาฬ คือ “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รมช.มหาดไทย เป็นคนดูแลพื้นที่ ทั้งการเมืองระดับชาติ และระดับท้องถิ่น
ล่าสุดก็เพิ่งส่ง “แว่นฟ้า ทองศรี” ภริยา ลงรักษาแชมป์ นายกอบจ.บึงกาฬ และก็รักษาแชมป์ไว้ได้
แต่แล้วก็เหมือนฟ้าผ่า ที่บึงกาฬ เมื่อ “สุวรรณา กุมภิโร” สส.เขต 2 บึงกาฬ พรรคภูมิใจไทย ถูกศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี พร้อมสั่งเลือกตั้งใหม่ และต้องชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งเป็นเงิน 9.8 ล้านบาท
จากการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง โดยจัดให้มีมหรสพ หรือการรื่นเริงต่างๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้
ตามคำร้องของ กกต. ที่ยื่นต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ) หรือ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ของ “สุวรรณา” สรุปได้ว่า
เมื่อวันที่ 16 เม.ย.66 ซึ่งเป็นงานวันสงกรานต์วันสุดท้ายของ อ.เซกา จ.บึงกาฬ นายทองคำ ได้จัดรถแห่ ติดสติกเกอร์ ว่า “เสี่ยหม่ำ” ซึ่งหมายถึง สุวรรณา ติดตั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี และเวทีเคลื่อนที่ ไปช่วยในงานบุญก่อเจดีย์ทราย วัดจอมมณีธร บ้านหนองทุ่ม ต.หนองทุ่ม อ.เซกา จ.บึงกาฬ โดยมีการเปิดดนตรีสนุกสนาน มีชาวบ้านประมาณ 300 คน เข้าร่วมเต้นรำ เปิดเพลงสปอตโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของ “สุวรรณา” มีเนื้อเพลงประกอบดนตรี ว่า “นายกฯหม่ำ เบอร์ 10 เบอร์ 10”
นอกจากนี้ยังพบว่า รถแห่คันดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ดินทอง เรียล เอสเตท จำกัด มี “อรอุมา” ซึ่งเป็นอดีตภริยา และ เป็นผู้ช่วยหาเสียงของ “สุวรรณา” เป็นกรรมการผู้จัดการ โดยรถแห่คันดังกล่าวจอด และเก็บรักษาอยู่ที่บ้านพักของ “อรอุมา” ซึ่ง “สุวรรณา” ก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเช่นกัน
จึงปรากฏ พฤติการณ์ และหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่า “สุวรรณาและอรอุมา” ได้สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการนำรถแห่คันดังกล่าวไปช่วยงานบุญก่อเจดีย์ทรายวัดจอมมณีธร อันเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน และวัด และการเปิดเพลงสปอตโฆษณาหาเสียง และดนตรีจังหวะสนุกสนาน โดยมีชาวบ้านมาร่วมงานและเต้นรำ เป็นการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ “สุวรรณา”
นั่นเป็นเพราะ “สุวรรณา” และทีมงานหาเสียงเลือกตั้ง คงชะล่าใจ เพราะเห็นว่า มี “บ้านใหญ่” คุ้มหัว และพรรคภูมิใจไทย ที่สังกัด ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จึงกระทำการละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งๆที่รู้ แต่คงมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
สุดท้ายก็เลยนำมาซึ่งหายนะ!!
สำหรับ สส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่ กกต. ยื่นให้ศาลฎีกา พิจารณาเรื่องทุจริตเลือกตั้ง นอกจาก “สุวรรณา กุมภิโร” แล้ว ยังมี “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” ส.ส.นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 ในความผิดฐาน สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการ ให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งศาลฎีกานัดฟังคำตัดสิน วันที่ 26 มี.ค.68
ต้องติดตามว่า กรณีของ “มุกดาวรรณ” จะซ้ำรอย “สุวรรณา” หรือไม่
และเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ ที่บึงกาฬ “บ้านใหญ่ทองศรี” ที่เป็นสายตรงของ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” จะยังมีมนต์ขลัง หรือไม่
ที่สำคัญคือ พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จะส่งผู้สมัครลงมาแข่งด้วยหรือไม่ ถ้าส่งก็เหมือนมวยถูกคู่ สู้กันดุเดือดแน่ !!
