ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ใครหว่าค้างภาษีนำเข้ารถ100 ล้าน ขอรมว.โทรเคลียร์สรรพากร! งานนี้ "ลวรณ" ต้องตอบแล้ว!!
คดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ ยังคงเป็นที่สนใจของสังคม
ขณะที่การตามล่าหาความจริงรอบล่าสุด มีประเด็นข้อมูลที่แพร่ออกมาว่า "คนบนเรือ" โทรหาใครบ้างในคืนเกิดเหตุ และ หนึ่งในนั้น "ไฮโซปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ ยกหูต่อสายถึง "อาตุ๋ย" พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
หลังถูกพาดพิง “พีระพันธุ์” ตั้งหลักอยู่พักใหญ่ จึงเคลื่อนไหวออกมายอมรับว่า "ปอ" โทรมาจริง โดยออกตัวว่า ตัวเองเป็นนักการเมือง ใครจะโทรหาย่อมได้ตลอด24 ชั่วโมง
สำหรับกับ “ปอ” เป็นเพียงรู้จักจากเคยซื้อรถยนต์ และนำรถไปใช้บริการซ่อมบำรุง ก็เท่านั้น
เรื่องราวมันก็น่าจะจบเพียงเท่านี้ แต่ตามประสาชาวเน็ตผู้ที่มีวิญญาณ "โคนัน" เข้าสิง ก็ขุดคุ้ยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างท่าน รมว.พีระพันธุ์ กับ "ไฮโซปอ" นักธุรกิจนำเข้ารถหรู ก็ไม่น่าจะธรรมดาปกติ อย่างท่านว่า
ฟังว่า “ปอ-ตนุภัทร” เคารพนับถือ “พีระพันธุ์” นอกจากเรียกหาว่า "อาตุ๋ย" ทุกคำ ภาพถ่ายที่โพสต์ลงโซเชียลฯ ส่วนตัวในงานวันเกิดก็ปรากฏกระเช้าอวยพร แนบนามบัตรของ “อาตุ๋ย” และ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” อดีต รมว. และนักการเมืองขาใหญ่รวมอยู่ด้วย
ถ้ารู้จักแค่เป็นลูกค้าซื้อขายรถ และเอารถเข้าซ่อม ก็ไม่น่าถึงขั้นส่งกระเช้าอวยพรวันเกิด เพราะใครที่รู้จัก “พีระพันธุ์” ดีก็จะรู้ว่า เป็นนักกฎหมาย ตลอดลมหายใจทำอะไรก็รอบคอบ ระมัดระวังตัว ค่อนไปทางถือตัวด้วยซ้ำ
งานนี้ก็เลยน่าประหลาดใจ! แต่เมื่อ “รมว.พีระพันธุ์” ยืนยันสัมพันธ์กับ “ไฮโซปอ” ไม่ได้มีอะไรมากกว่าคนรู้จักซื้อ-ขายรถ ก็ว่ากันตามนั้น
ส่วนใครยังที่ยังข้องใจปะหน้าท่าน รมว. หรือ ไฮโซปอ ก็ถามกันเองแล้วกัน
เช่นเดียวกับเรื่องต่อไปนี้ ที่บังเอิญมีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ออกจากกระทรวงการคลัง มาประจวบเหมาะกับจังหวะข่าว "พีระพันธุ์-ไฮโซปอ" กำลังได้รับความสนใจอยู่พอดี แบบที่วัยรุ่นเขาเรียกกันว่า "จังหวะนรก"
เป็นเรื่องที่ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ เมื่อครั้งรั้งตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพากร เคยมีบุรุษลึกลับเป็นนักการเมืองตำแหน่งใหญ่โตขณะนั้นโทรหา
ชายคนที่ว่า โทรหา “ลวรณ” ขอให้ช่วยเหลือ หรือ เคลียร์คดีค้างภาษีนำเข้ารถ ที่เจ้าของธุรกิจคนสนิทติดสรรพากรอยู่ราว 100 ล้านให้ที !
ต้องย้ำว่า นี่เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ไม่ได้ระบุว่า คนที่โทรหาอธิบดีกรมสรรพากร ตอนนั้นชื่อเสียง เรียงนามใด และ คนที่มาขอให้ช่วยเหลือนั้น ชื่ออะไร ?
แต่การออกตัวแทนถึงขั้นกล้าโทรหา"ลวรณ" ก็ต้องถือว่า ระหว่างนักการเมืองคนโต กับเจ้าของธุรกิจ คนสองคนนี้ต้องมีสัมพันธ์ กันไม่ธรรมดาแน่
งานนี้ต้องถึงหู ปลัด "ลวรณ แสงสนิท"แล้วละ และควรที่จะต้องออกมาชี้แจงแถลงไข ให้สังคมได้รับรู้สักหน่อย
เรื่องราวจริงเท็จประการใด หากเป็นเรื่องจริง คดีนี้มีความคืบหน้าแค่ไหน สรุปจบอย่างไร?
เหตุเกิดช่วงที่ตัวเองเป็น อธิบดีกรมสรรพากร ตอนนี้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวง คงไม่มีใครตอบได้ดีเท่าท่าน ไม่ตอบไม่ได้แล้ว!!
อย่าปล่อยให้คลุมเครือ อย่าดูเบาว่าแค่เรื่องร่ำลือกัน…เพราะเรื่องทำนองนี้ ก่อตัวเป็นเมฆหมอก หนักกว่า PM2.5 ระวังมลพิษจะทำร้าย ทำลายตัวเองได้นะจ๊ะ
++ “หลิว จงอี้” เข้ากลาโหม หารือ “ภูมิธรรม” เสนอ 4 มาตรการ ขุดรากถอนโคนแก๊งคอลฯ
ปฏิบัติการ เฉียบขาด ฉับไว ของ “หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ ที่ยึดเอาเมืองชายแดนในเมียนมา เป็นฐานปฏิบัติการ มีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกัน สร้างความเดือดร้อน ไม่เฉพาะคนไทย คนจีน แต่เป็นชาวโลก
จากการประสานความร่วมมือกับรัฐบาลไทย และเมียนมา เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา “หลิว จงอี้” ก็เดินข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ไปยังจุดรับตัวชาวต่างชาติ จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ และที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ เพื่อช่วยเหลือนำกลับประเทศต้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน
แน่นอนว่า ภาพการทำงานที่รวบรัดของ “หลิว จงอี้” ทำให้ฝ่ายค้าน อย่าง“รังสิมันต์ โรม” สส.พรรคประชาชน มองว่า การไม่ได้คัดแยกเหยื่ออาชญากร ไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ ก่อนส่งกลับก็ไม่ต่างจากการปล่อยให้ อาชญากรแก๊งคอลเซนเตอร์ลอยนวล คนพวกนี้จะกลับเข้ามาประเทศไทยอีกเมื่อไรก็ได้
ขณะที่ “ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ” ทีมประสานต่างประเทศ อดีตพรรคก้าวไกล ลูกชาย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน บอกว่า การที่จีนส่งเครื่องบินมาขนคนกลับ ผ่านไทย เสมือนเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยไทย
เรื่องนี้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องออกมาชี้แจงว่า ทางการจีนเดินทางมาพาคนกลับไม่ได้เป็นการรุกล้ำอธิปไตยไทย เพราะมีการวางแผน พูดคุยกันมาเป็นเดือนแล้ว และการเข้ามา ก็ต้องขออนุญาตฝ่ายไทยก่อน จึงอยากให้เข้าใจในการทำงานของทุกฝ่าย
ทางจีนเห็นว่าปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องการจัดการให้เด็ดขาด ถึงกับมีข้อเสนอ เรื่องการตั้งสำนักงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับคอลเซนเตอร์โดยเฉพาะ แต่ทางไทยเห็นว่า ควรจะตั้งในรูปแบบไตรภาคี จะแก้ปัญหาได้มากกว่า การตั้งสำนักงาน
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19 ก.พ.) “หลิว จงอี้” ก็เดินทางมาเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อหารือกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” อีกครั้ง เพื่อหารือถึงการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์
“หลิว จงอี้” ได้เสนอ 4 มาตรการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ ประกอบด้วย
1. เสริมสร้างกลไกไตรภาคี ภายใต้อำนาจอธิปไตยและกฎหมาย และกฎหมายท้องถิ่น ในอนาคตอาจเพิ่มสมาชิก โดยขอให้ไทย เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเตรียมความพร้อม และประชุมเป็นทางการ ตามที่ไทยกำหนด ทางสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมให้การสนับสนุน
2. มาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ต และน้ำมันเชื้อเพลิง เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ขอให้ไทยดำเนินการต่อ แม้จะมีการเรียกร้องจากประเทศเมียนมาให้ยกเลิกก็ตาม
3. ทำการสกัดกั้น ควบคุมพื้นที่ ไม่ให้กลุ่มอาชญากรหลบหนี หรือเคลื่อนย้ายไปตั้งหลักในพื้นที่อื่น
4. ให้ไทยช่วยเหลือในการส่งกลับคนจีน กำหนด Proof Of Concept (PoC) ทั้ง ไทย จีน และเมียนมา โดยจีนจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อมูล และขนย้ายจากเมียนมา ส่งไทยอำนวยความสะดวก ตั้งแต่ชายแดน จนถึงสนามบิน โดยการร้องขอ กองกำลังทหารในการรักษาความปลอดภัย
จะเห็นได้ว่า 4 ข้อดังกล่าว เป็นมาตรการ ที่ “หลิว จงอี้” มุ่งจัดการกับ แก๊งอาชญากรรม ชนิด “ขุดรากถอนโคน” !!
พร้อมกันนี้ “หลิว จงอี้” ยังฝากขอโทษคนไทย ที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ จนดูเหมือนว่าเข้ามารุกล้ำอธิปไตย ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งนั่นอาจเกิดจากความเร่งร้อน และมุ่งมั่นมากเกินไป เพราะเป็นห่วงประชาชน จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง