xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลหมดท่า จีนเทา-ชายแดน รุมกระหน่ำ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - ภูมิธรรม เวชยชัย
เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าโดนกระหน่ำเข้ามาทุกทิศทางจริงๆ สำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย แต่ละเรื่องล้วนทำลายเครดิต ละลายความน่าเชื่อถือกับรัฐบาล รวมไปถึงคนที่เป็น “ผู้นำ” ลงไปเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือแล้ว ทั้งที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเท่านั้น

เริ่มจากเรื่องปัญหา “จีนเทา” และ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่กำลังทำร้าย ทำลายทั้งคนไทย คนจีน และอีกหลายประเทศ ที่กำลังสร้างอิทธิพลด้านมืดในประเทศไทย โดยมีนักการเมืองไทย ข้าราชการไทย ให้ความร่วมมือ และมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน จนล่าสุดทางการจีนทนไม่ไหว ต้องส่งระดับรัฐมนตรีด้านความมั่นคงนำคณะชุดใหญ่ เข้ามาทำการ “ปราบปรามด้วยตัวเอง” ทำให้ปัญหาเริ่มเบาบางลง

แต่เดี๋ยวก่อน การเข้ามาจัดการของจีน อาจทำให้ปัญหาดังกล่าวเบาลง แต่อีกด้านหนึ่งกลับมองเห็นว่ารัฐบาลไทยกำลัง “ถูกแทรกแซง” จนขาดอิสระในการบริหารจัดการกับปัญหา ขณะเดียวกันยังมองออกอีกว่า รัฐบาลไทยในยุคนี้ หมดน้ำยาในการแก้ปัญหา เพียงแค่ระดับอาชญากรรม ที่แม้เป็น “อาชญากรรมข้ามชาติ” แต่ก็ยังถือว่ายังจัดการได้ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเป็นเพราะเรามีการทุจริต มีการจ่ายใต้โต๊ะ และที่สำคัญมีข้าราชการดันไปร่วมมือกับ “แก๊งโจร” จนสร้างปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทย กลับไม่ใส่ใจ อาจเป็นเพราะมีบางกลุ่มได้รับผลประโยชน์จากธุรกิจจากคนพวกนี้ เช่น ขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีการระบุว่า “จีนเทาซื้อยกหมู่บ้านหรู” เชื่อว่าหลายคนยังจำกันดี เมื่อหลายเดือนก่อน

การที่รัฐบาลจีนส่ง หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงและสาธารณะ เดินทางเข้ามาประเทศไทย พบกับรัฐมนตรีหลายคน ตั้งแต่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดูแลด้านความมั่นคง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระรวงยุติธรรม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามรายงานข่าวบอกว่า นายหลิว ยังได้มอบข้อมูลและรายชื่อระดับหัวหน้าแก๊งจีนเทา และ “ไทยเทา” ที่มีข้าราชการไทย มามอบให้ด้วย

และด้วยแรงกดดันดังกล่าวทำให้มีการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับในจังหวัดตาก รวดเดียว 3 นาย รวมไปถึงเจ้าหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตามมา รวมไปถึงก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีการตัดไฟ ตัดเน็ต ที่ส่งไปยังฝั่งเมียนมาร์

ที่น่าสนใจก็คือ นายหลิว จงอี้ ตอนนี้ยังอยู่ในประเทศไทย “นานเกือบเดือน” แล้ว และต้องเทียวไปเทียวมา ระหว่างกรุงเทพฯ- แม่สอด- เมียวดี ในฝั่งเมียนมา ไปพบกับผู้นำชนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลในพื้นที่ และยังเป็นคนนำพาชาวจีนที่ถูกหลอกไปที่นั่นส่งกลับประเทศด้วยตัวเอง

และตามกำหนดการในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ยังมีกำหนดพบหารือกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพียงแต่ว่า จะด้วยกลัวจะเสียฟอร์ม หรือเริ่มรับรู้ถึงอาการอัน “กระอักกระอ่วน” นี้ทำให้มีรายงานว่า อาจส่งระดับเลขานุการไปพบแทน

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายภูมิธรรม กล่าวถึงการพูดคุยกับ นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ หลังจีนมีข้อเสนอให้ไทยดำเนินมาตรการตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต และน้ำมันต่อไปก่อน ในขณะที่เมียนมา ร้องขอให้ยกเลิก เพราะกระทบต่อการรักษาในโรงพยาบาล ว่า เราประสานกับทางจีนมาหลายเดือนแล้ว เราพูดคุยตลอด การที่ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าการมาของ นายหลิว จงอี้ มาเหมือนสั่งการนั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่

เข้าใจดีว่าทุกคนมีความรักชาติ หวงแหนในอธิปไตยของชาติเหมือนกัน เราทำงานมามากกว่า 2 เดือน ได้คุยกันหลายอย่าง เพราะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่อยู่ๆ ตัดสินใจ แล้วจัดการได้ เช่นเดียวกับการซีลชายแดน ที่เราจะทำคนเดียวก็ไม่ได้ ก็ต้องซีลทั้งหมด ที่เกี่ยวข้อง 3 ประเทศ มีส่วนพันกันทั้งหมด การให้ 3 ประเทศร่วมมือกัน แก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เริ่มมา 2 ปีแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการตกลงรายละเอียด ก็เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันต่อไป เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคุยครั้งเดียวคงไม่จบ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หนักหนาสาหัส มันเกิดปัญหาไปหมด ไม่เพียงประเทศเราประเทศเดียว ที่สำคัญคิดว่าตอนนี้ประเทศเราเกิดปัญหา มันทำให้ภาพพจน์ประเทศเสียหายด้วย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องนี้มันยากลำบากเหมือนกันที่จะตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเตอร์เน็ต เพราะแค่พูดมันก็ง่าย ตัดสินใจไปทีเดียวก็ง่าย แต่เวลาตัดแล้วมันเกิดผลกระทบหลายอย่าง ต้องเทียบระหว่างมนุษยธรรม กับประโยชน์ของประเทศ และปัญหาของประชาชนในประเทศที่เกิดขึ้น หลายอย่างต้องเอามาคิด วันนี้ที่ตัดสินใจทำเพราะว่ามันน่าจะมีเงื่อนไขที่หน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนได้รับผลกระทบ และเราก็ยังคิดกันอยู่ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของประเทศเขา แต่ในที่สุดเราคิดว่าหากเราเสนอโดยเอาประชาชนของเราเป็นหลัก

“การบอกว่าฝ่ายจีนเข้ามาเหมือนมีอธิปไตยเหนือเรา มาสั่งการเรา ยืนยันว่ามันไม่ใช่ หากเราไม่อนุญาตให้เข้าก็เข้าไม่ได้ การทำงานครั้งนี้ต้องร่วมมือกันหลายส่วน การที่เราเสนอให้เขาเข้ามาและแสดงบทบาท เราตกลงกันในรายละเอียดแล้ว การพูดคุยพรุ่งนี้จะเป็นการหารือในเรื่องที่นายหลิว จงอี้ เดินทางไป เนย์ปิดอ ประเทศเมียนมา แล้วได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่ใช่ว่า ต้องรอคุยจนจบถึงทำงาน อะไรทำได้ต้องทำไปก่อน เพราะชีวิตของคนที่ยากลำบากที่อยู่ในแดน ถูกบังคับข่มขู่ให้ทำงาน วินาทีเดียวก็สำคัญกับชีวิตมาก” นายภูมิธรรม ระบุ

อย่างไรก็ดี ยังมีหลายกรณีต่อเนื่องกันที่ทำให้เกิดปัญหาสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ “ด้อยประสิทธิภาพ” กรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดจากการที่ทหารกัมพูชายกกำลังขึ้นมาร้องเพลงชาติในเขตแดนไทย ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว โดยครั้งแรกเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา ปัญหาการรุกล้ำแดนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรณีลูกเรือประมงไทยที่ถูกทางการเมียนมา จับกุมตัวไปและถูกจับคุกในฝั่งโน้นนานหลายเดือนแล้ว จนบัดนี้ยังไม่มีทีท่าจะได้รับการปล่อยตัว

ปัญหาชายแดนใต้ เวลานี้เริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างสูญเสียให้กับชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น สถานที่ราชการถูกลอบวางระเบิดแทบจะรายวัน ความรุนแรงกำลังเพิ่มดีกรีกว่าเดิม

นี่ยังไม่นับปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่กำลังทรุดตัวลง อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ได้แถลงตัวเลขคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตแค่ 2.8 หรือ ต่ำกว่านั้น ไม่ถึงร้อยละ 3 ตามที่ฝ่ายรัฐบาลตั้งเป้าหมายเอาไว้

ขณะที่เวลานี้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตัวหลักเริ่มตกต่ำลง เช่น ราคาข้าวที่ลดลงอย่างน่าใจหาย จนมีชาวนาประท้วงเป็นรายวัน และเมื่อวันที่ 19 ก.พ. พวกเขาก็ได้ยกขบวนมาประท้วงรัฐบาลที่หน้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว และเชื่อว่าจะต้องเกิดอีกหลายจังหวัด ตามมาอีกแน่นอน

ดังนั้น จะเห็นว่าเพียงแค่ไม่กี่เดือนปัญหาหลายอย่างเริ่มรุมเร้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน บางปัญหาน่าจะแก้ได้ไม่ยากหากจริงจังและใช้งานคนที่มีฝีมือ อย่างเช่น ปัญหาจีนเทา และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่กลายเป็นว่ากลับถูกทางการจีนมาชี้นำจนไม่เป็นอิสระ ปัญหาชายแดน ปัญหาเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตรตัวหลักตกต่ำ สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของผู้นำที่ยังมองไม่เห็นแนวโน้มในทางบวกได้เลย !!



กำลังโหลดความคิดเห็น