เมืองไทย 360 องศา
ใกล้เข้ามาเกือบนับถอยหลังเข้ามาเรื่อยๆแล้ว สำหรับญัตติ “ซักฟอก” รัฐบาล ซึ่งคราวนี้ยืนยันมาแล้วว่าจะเป็นแบบ “รายบุคคล” มีรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านขึ้นบัญชีเอาไว้จำนวน 10 คน โดยในจำนวนนั้นมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย
จากการเปิดเผยจาก นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ขณะนี้แต่ละพรรคได้ร่างญัตติของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว และพรรคประชาชนจะเป็นผู้รวบรวมเนื้อหาจากทุกพรรคเพื่อยื่นเป็นญัตติเดียวกัน คาดว่าจะสามารถยื่นต่อประธานสภาฯ ได้ภายในวันที่ 27 ก.พ. ตามกำหนด
“ฝ่ายค้านคงไม่อภิปรายทั้งคณะรัฐมนตรีเพราะมีมากกว่า 30 คน แต่จะเน้นไปที่ 10 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสรุปรายชื่อ” เขากล่าว
สำหรับประเด็นที่มีการกล่าวถึง “ชั้น 14” และการตั้งวอร์รูมเพื่อตอบโต้หากมีการพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า การตั้งคำถามและข้อสงสัยเป็นเรื่องปกติของฝ่ายค้าน ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาก็มีสิทธิ์ชี้แจง ซึ่งถือเป็นกลไกตามปกติของระบอบประชาธิปไตย
นายปกรณ์วุฒิ ย้ำว่า ตามธรรมเนียม การอภิปรายไม่ไว้วางใจมักใช้เวลา อย่างน้อย 4-5 วัน เป็นมาตรฐาน และหากท้ายที่สุดรัฐบาลยังยืนกรานให้เวลาน้อยกว่าที่ร้องขอ คงต้องเจรจากันใหม่ เพราะนี่คือ “ประเทศประชาธิปไตย” ที่ใช้ระบบรัฐสภาในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ย้ำว่า ทุกกระทรวงมีการอัปเดตกันตลอด คิดว่าทุกวันนี้ ไม่มีปัญหาในการผลักดันนโยบาย ทุกคนตอบตามระบบและกระบวนการที่ทำ จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร และบอกว่ามีการเก็งข้อสอบเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะถูกอภิปรายเรื่องอะไร
แต่เมื่อถูกถามว่าจะเก็งเรื่องไหน เธอไม่ยอมบอก กล่าวเพียงว่า “ไม่บอก เราจะไม่เฉลยข้อสอบก่อน”
แน่นอนว่า การยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลคราวนี้ ถือว่าน่าจับตาเหมือนกัน เพราะนอกเหนือจากเรื่องที่ว่าจะมีการ “ซักฟอก” รัฐมนตรีคนใดบ้างแล้ว ในจำนวนนั้นจะมีตัว นายกรัฐมนตรี คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่เบื้องหลังทั้งตัวนายกฯ และผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมอยู่ในรายชื่อหรือไม่ รวมไปถึงต้องจับตาว่าจะมีการอภิปรายเรื่อง “ชั้น 14” หรือไม่ และมีเรื่องที่เข้ามาชี้นำแทรกแซงการทำงานในรัฐบาลด้วยหรือไม่
ขณะเดียวกันที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ พรรคฝ่ายค้าน อย่างพรรคประชาชน จะ “เอาจริง” แค่ไหนกับการซักฟอกคนในรัฐบาล โดยเฉพาะ กับ น.ส.แพทองธาร และจะกล้าแตะไปถึงคนในครอบครัว “ชินวัตร” อย่าง นายทักษิณ ด้วยหรือไม่
เพราะหากพิจารณา “แบ็กกราวด์” ที่ผ่านมาในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชน ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกล ก่อนหน้านี้ พวกเขาถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่า “ไม่แตะ” จริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกระทู้ถาม หรือมีการอภิปรายแรงๆ เลยสักครั้ง ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่อง “ตามน้ำ” ตามกระแสจนถูกมองแบบว่า “เสียไม่ได้” ไม่มีน้ำหนักเลย
เพราะหากบอกว่า พรรคเพื่อไทยมีผู้นำหรือ “เจ้าของ” อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร แล้ว พรรคประชาชนก็มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เหมือนกัน และที่ผ่านมาก็พยายามทำตัวให้เหมือนกับที่เขาเรียกกันว่า “ผู้นำจิตวิญญาณ” อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็มองออกว่าเขาเป็นเจ้าของพรรคตัวจริงมาตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่เขาเป็นเป็นคนลงทุนให้เงินส่วนตัวให้พรรคกู้ยืม จนเกิดเรื่องอื้อฉาวในอดีตนั่นแหละ
และที่ผ่านมาเกิดกรณี “ดีลลับ” ที่ฮ่องกง เมื่อสองปีก่อน ระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และต่อมา นายธนาธร ก็ยอมรับว่ามีการพบกันจริง แต่อ้างว่าไม่มีการคุยเรื่องการเมือง ซึ่งเป็นช่วงการตั้งรัฐบาล และเป็นช่วงก่อนที่ นายทักษิณ จะกลับไทย
หากสังเกตจะเห็นว่า ที่ผ่านมา พรรคประชาชน ไม่เคยอภิปรายพาดพิงรุนแรงกับคนสำคัญระดับแกนนำในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย และแทบจะไม่มีการพูดพาดพิงไปถึงกระทรวงคมนาคม ภายใต้การบริหารของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีศักดิ์เป็น “อา” ของ นายธนาธร เลยสักครั้ง
ในทางตรงกันข้าม หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคประชาชน “เอาจริง” รับรองว่าจะต้องได้ใจชาวบ้านเพิ่มมากขึ้นเป็นกอบเป็นกำแน่ โดยเฉพาะจากบรรดา “กลุ่มการเมือง” ที่ติดตามการเมืองมานาน และที่สำคัญการพุ่งเป้า “ซักฟอก” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ย่อมมีประเด็นให้พูดถึงได้มากมาย ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพการทำหน้าที่ผู้นำประเทศ การรับมือกับปัญหาความมั่นคง ปัญหา “คอลเซ็นเตอร์” ที่กำลังถูกบั่นทอนศักดิ์ศรี ของประเทศอยู่ในเวลานี้
ขณะเดียวกันการ “ซักฟอก” เที่ยวนี้ยังเป็นการพิสูจน์ตัว นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าจะ “มีดี” พอที่จะเอาตัวรอด หรือสามารถชี้แจงตอบโต้ฝ่ายค้านได้อย่างไรบ้าง หรือจะกลายเป็นว่า จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นจุดอ่อนในเรื่องของ “นางโพย” หรือที่ถูกเหยียดหยามว่าเป็นแค่ “นายกฯไอแพด” อีกหรือไม่ แต่งานนี้ หากออกมาไม่สมราคา ก็น่าจะเป็นการประจานตัวเองเป็นแน่
ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคราวนี้ ถือว่าสายตาน่าจะจ้องไปที่บทบาทของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชน ว่าจะจริงจังแค่ไหน มีเนื้อหาสาระหรือไม่ เพราะหากผลออกมาไม่สมราคา ก็จะยิ่งทำลายเครดิตลงไปเรื่อยๆ !!