“วันนอร์” อัดซ้ำ “โจ๊ก” ไหนก่อนหน้านี้บอกว่าไม่ได้มาบ้าน จะเชื่อคำพูดได้อย่างไร แถมแอบอัดคลิปอีก แฉโทร.ติดต่อมาเอง 2-3 ครั้ง ไม่มีผู้ใหญ่ประสานตามที่อ้าง เชื่อพา “สุชาติ” มาพบ หวังเอาหน้า แล้วกลับไปต่อรองบางอย่าง แต่ “สุชาติ” ไม่ยอม จึงปล่อยคลิป ตั้งข้อสังเกตประธาน ป.ป.ช.ถูกหลอกมาหรือไม่ ยันประธานรัฐสภามีอำนาจกลั่นกรองคำร้องถอดถอนองค์กรอิสระ ไม่ใช่ยื่นมาแล้วส่งต่อไปศาลทันที
วันนี้ (15 ก.พ.) หลังจาก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยอมรับว่า เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตามคลิปการสนทนาระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช.จริง แม้ว่าก่อนหน้านั้นได้ปฏิเสธมาตลอด ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ เปิดเผยสื่อมวลชนผ่าน “เนชั่นทีวี” ว่า ตามข่าวที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ล่าสุด โดยกล่าวหาว่า ตนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวนั้น ขออธิบายว่า สิ่งที่ตนพูด เป็นไปตามมารยาท เพราะการพบปะพูดคุยกัน มีการพูดเรื่องส่วนตัว และถามไถ่กันในเรื่องต่างๆ จึงไม่สามารถเปิดเผยทั้งหมดได้ มิฉะนั้น จะผิดมารยาท
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อพบกันก็นั่งคุยเรื่องส่วนตัวด้วย แต่ทั้งหมดนี้ประเด็นมันจบแล้ว เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยอมรับ ก็ชัดเจน ส่วนข้อเท็จจริงต่อไปก็คือ สรุปแล้ว พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มาที่บ้านมจริง แล้วก็แอบอัดเทป แต่ก่อนหน้านี้ บอกไม่ได้ทำ แล้วจะเชื่อคำพูดได้อย่างไร
ส่วนประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจตีตกเรื่องที่ประชาชนเข้าชื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. แต่ต้องส่งให้ศาลฎีกาฯ อย่างเดียวนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 236 เขียนไว้ชัดว่า หากประธานรัฐสภาเห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่ากรรมการ ป.ป.ช.มีพฤติการณ์ตามที่กล่าวหา จึงจะส่งคำร้องให้ศาลฎีกาไปตั้งคณะไต่สวนอิสระ คิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จงใจพูดไม่ครบ เพื่อให้สังคมเข้าใจผิด และขณะนี้สังคมบางส่วนก็เข้าใจไปแบบนั้น จึงขอให้ไปอ่านรัฐธรรมูญให้ครบ คือ มาตรา 234 และ 236 ประกอบกัน ถ้า สส. สว. หรือประชาชนเข้าชื่อกันแล้ว ส่งมาที่ประธานสภาแล้ว ต้องส่งต่อไปยังศาลฎีกาทุกเรื่อง คนเดือดร้อนคือกรรมการองค์กรอิสระ เพราะถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ ถ้าถูกร้องแบบกลั่นแกล้ง แต่ทางสภาไม่กลั่นกรองอะไร ก็จะเดือดร้อนกันทั่ว ไม่ต้องทำงานกันแล้ว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า สำหรับคำร้องถอดถอนนายสุชาติออกจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาและแสวงหาข้อเท็จจริง พบว่า เรื่องที่ร้องมา เคยร้องไปที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว และถูกตีตกไปแล้ว เมื่อตรวจสอบครบถ้วนจึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยที่จะส่งไปศาลฎีกา
ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ อ้างว่า มีผู้ใหญ่จัดให้ไปพบกันเพื่อเคลียร์คำร้องถอดถอนนายสุชาติ โดยที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นคนริเริ่มนัดหมาย นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ย้ำว่า สิ่งที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พูดไม่เป็นความจริงเลย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เป็นคนแจ้งมา 2-3 ครั้งทางโทรศัพท์ บอกว่า ตัวเขาจะขอถอนเรื่อง ให้ตนช่วยหน่อย ก็ตอบไปทันทีว่า ช่วยไม่ได้ ประชาชน 2 หมื่นคนรวมรายชื่อกันมา
“สิ่งที่โจ๊กพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ จริงๆ เป็นคำของพูดผมทั้งนั้น ผมเองที่บอกกับโจ๊กไปว่า คุณจะถอนได้อย่างไร คน 2 หมื่นกว่าชื่อเขาจะคิดอย่างไร ถ้าเขาไม่เห็นด้วย สภาก็เสียหาย ฉะนั้นต้องไปถึงขั้นตอนตรวจสอบรายชื่อ ถ้าชื่อครบแล้ว ก็ต้องไปตรวจสาระที่ฟ้องมา ถ้าสาระไม่พอที่จะส่ง ก็ไม่ส่งศาลฎีกา ผมอธิบายไปแบบนี้ โจ๊กยังบอกว่า ดีครับๆ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เหมือนจะเอาหน้าหรือไม่ เป็นคนพามานายสุชาติโดยไม่บอกกล่าวให้ตนทราบก่อน แล้วให้มาคุย เผื่อเรื่องจะได้จบ ก็จะไปต่อรองกับนายสุชาติบางเรื่อง และหวังจะได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า แต่พอพามาพบแล้วนายสุชาติไม่รับปาก ก็เลยเอาคลิปออก แบบนี้ใช่หรือไม่
พร้อมย้ำว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เป็นคนพามา และจัดการทั้งหมด ไม่นึกว่าจะกล้าอัดเทป แล้วปฏิเสธแบบหน้าด้านๆ ยิ่งพูดยิ่งเสีย ไหนทีแรกปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้มา ไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่แล้วก็บอกว่ามาจริง มาแล้วมาอัดเทปอีก
ส่วนเรื่องเวลาที่แน่นอนที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เข้าพบนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า วันที่มานั้น ตอนแรกตนจำไมได้ เพิ่งไปดูภาพวงจรปิด จำได้แค่ว่าใกล้ๆ ปีใหม่ ตนยังให้ชาจีนเป็นของขวัญ ถุงสีแดงที่ถือออกไป ก็น่าจะเป็นช่วงเดือนธันวาคม
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า ถ้า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังพูดทำให้เสียหายก็คงจะปล่อยไม่ได้ แต่ถ้าแค่นี้ ยังถือว่าไม่ทำให้เสียหาย ก็จะไม่ดำเนินการอะไร เราเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไปเอาเรื่องเด็ก เดี๋ยวจะคนจะไปเห็นใจเขาอีก
ประธานรัฐสภา ย้ำอีกว่า ตนไม่รู้จักกับนายสุชาติ ถ้าสมมติมีผู้ใหญ่มาขอจริงตามที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ว่า เขาก็ไม่ต้องให้นายสุชาติมา ตนคิดว่านายสุชาติถูกหลอกให้มา และคลิปที่มีการนำไปปล่อยนั้นมีการตัดออกเยอะ เพราะนั่งคุยกันครึ่งชั่วโมงกว่า ถามทุกข์สุขกันในฐานะที่่ตนเป็นเจ้าของบ้าน และก็ถามเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องในองค์กร ป.ป.ช.ว่าตอนนั้นเป็นอย่างไร เหลือกรรมการกี่คน แต่ก็สังเกตอยู่ว่านายสุชาติไม่ค่อยพูด น่าจะถูกหลอกมาหรือเปล่า