ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "โจ๊ก" นี่คนแบบไหน?! จับโป๊ะคลิปแอบถ่าย "วันนอร์-สุชาติ" อ้างไม่อยู่ในเหตุการณ์
ประเด็นที่ผู้อาวุโส “วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ควันออกหู กรณีมีสื่อเครือข่ายของ “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. เผยแพร่คลิปนั่งพูดคุยกับ “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” ประธาน ป.ป.ช. โดยชัดเจนว่า เป็นการแอบถ่าย และ ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็น “โจ๊ก”นั่นเอง เพราะ นั่งกันอยู่ 3 คน ภายในห้องรับแขกของตนเอง
งานนี้ท่านประธานวันนอร์ โกรธจัดแค่ไหนก็คงรับทราบกันไปแล้ว ว่าได้ด่าคนที่ทำเสียมารยาทลูกผู้ชายอย่างชนิดคนดีๆ เขาไม่ทำกัน
พร้อมกับยืนยันว่า การพูดคุยกับ “สุชาติ” ไม่ได้เป็นเรื่องเจรจาต่อรองอะไร เพราะ การตรวจสอบสุชาติ เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ ตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องเก่าไม่มีมูล แต่การแอบถ่ายแล้วตัดต่อคลิป ส่งไปให้สื่อนี่สิ เป็นเรื่องไม่น่ากระทำ
ขณะที่ “โจ๊ก” ตีหน้าตาย พูดกับสื่อว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตามที่ปรากฏในคลิป ฉะนั้นจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบันทึกภาพตามคลิปที่เผยแพร่ทางสื่อ แต่ยอมรับว่า เคยไปบ้าน นายวันมูหะมัดนอร์ จริง แต่เป็นช่วงก่อนหน้านั้น เพราะเคยรู้จักกัน ไม่รู้สึกติดใจอะไรที่ นายวันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ตำหนิตัวเอง
“ความจริงมีหนึ่งเดียว” ระหว่าง ท่านประธานวันนอร์ กับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ใครน่าเชื่อถือกว่ากัน ปัญญาชนทั้งหลายย่อมมีคำตอบอยู่แล้ว
นอกจากความน่าเชื่อถือส่วนบุคคล อีกหนึ่งสิ่งที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ ก็ให้บังเอิญว่ามีคนตาดี เห็นคลิปที่ “โจ๊ก” อาจจะคำนวณดิบดีว่า “มุมกล้อง” และ การตัดต่อ จับภาพเฉพาะ “วันนอร์-สุชาติ” แต่ดันตัดไม่เนียน มีส่วนแขนที่สามโผล่มา ในฉากอย่างไม่ตั้งใจ!
แว่บนึง ที่มีมือที่สามโผล่มานั้น ที่ข้อมือมีปรากฏว่า สายรัดข้อมือสีส้ม เป็นจุดสะดุดตา
พอเอามาเปรียบเทียบกับสายรัดข้อมือที่ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” สวมใส่ ก็ช่างบังเอิญตรงกันเป๊ะ!
ขณะที่ภาพจากสื่ออีกชุด ที่ระบุว่าได้รับภาพ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ ที่บ้านพักจำนวนหลายภาพ โดยในภาพจะเห็น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ สวมเสื้อ และกางเกงสีขาว
เข้าบ้านแบบมือเปล่า แต่ขากลับออกมา ถือถุงชาที่ได้รับจากนายท่านประธานวันนอร์
โธ่ถัง!! ถ้าใครสังเกตดีๆ ก็จะเห็นอีกละว่า "โจ๊ก" ที่นับถือสายมู ที่ข้อมือ
ด้านขวาสวมไว้ซึ่งสายอะไร สีส้มๆ แว่บเหมือนที่ปรากฏในคลิปเลย
นี่ขนาด “ท่านประธานวันนอร์” ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ยืนยันเป็นมั่นเหมาะ”โจ๊ก” อยู่ด้วยในวันนั้น และมีภาพถ่ายช่วยคอนเฟิร์มไปอีก เจ้าตัวยังบอกว่า ไม่ใช่ๆ
มาถึงตรงนี้ก็ต้องถามว่า “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” นี่คนอะไร? แบบไหนกัน!?
++ เบื้องหลังประชุมรัฐสภา แก้รธน.ล่ม “เพื่อไทย” เจตนายื้อ !!
การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณา แก้ไขเพิ่มเติม รธน. มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 จำนวน 2 ร่าง ที่เสนอโดยพรรคประชาชน กับ พรรคเพื่อไทย เริ่มขึ้นแล้วเมื่อเช้าวันที่ 13 ก.พ. แต่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ ก็ล่มปากอ่าว!!
ก่อนหน้านี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับการแก้รธน.ครั้งนี้ เพราะ “ไม่อยากเสี่ยง” ทำผิดรัฐธรรมนูญ
เพราะการแก้ไข รธน.ดังกล่าว เป็นการฉีกรธน.ฉบับปี 60 แล้วยกร่างใหม่ ซึ่งศาลรธน.เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า จะต้องทำประชามติ ถามประชาชนก่อน ไม่ใช่ให้สภาพิจารณาก่อนค่อยไปถามประชาชน
ดังนั้น เมื่อประธานรัฐสภา “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เปิดการประชุม “ไชยชนก ชิดชอบ” สส.บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ก็ลุกขึ้นแจ้งต่อที่ประชุมว่า สส. พรรคภูมิใจไทยทั้งหมด เห็นว่า วาระที่จะพิจารณากันนี้ เข้าขั้นที่จะผิด และขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรธน. จึงขออนุญาตไม่ร่วมพิจารณา จากนั้นสส.พรรคภูมิใจไทย ได้เดินออกจากที่ประชุมทันที
ต่อมา “ประธาน วันนอร์” ได้หยิบยกญัตติด่วน ของ“นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ” สว. เรื่องขอให้สภา ยื่นเรื่องการทำประชามติ ให้ศาลรธน. ตีความก่อน พิจารณาแก้ รธน.
จึงขอมติที่ประชุมรัฐสภา ว่าจะให้เลื่อนญัตติของ “หมอเปรม”ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ จากนั้นประธานฯ สั่งพักการประชุม 15 นาที ให้ไปหารือร่วมกันทั้ง 3 ฝ่ายก่อนว่าจะเอาอย่างไร
เมื่อกลับมาประชุมอีกครั้ง และมีการโหวต ผลปรากฏว่า เสียงข้างมากไม่ให้เลื่อน 275 เสียง ให้เลื่อน 247 เสียง เป็นอันว่า ที่ประชุมต้องเข้าสู่การอภิปรายตามระเบียบวาระ คือ พิจารณาญัตติแก้ไขรธน.ไปตามเดิม
ตอนนี้ สภาเริ่มวุ่นวายขึ้นมาทันที นอกจาก สส.พรรคภูมิใจไทยที่วอล์กเอาต์ แล้ว สว.ส่วนหนึ่งก็เอาด้วย “หมอเปรมศักดิ์” จึงเสนอให้นับองค์ประชุม ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมประชุม 204 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ประธานฯ ต้องปิดการประชุม และขอนัดประชุมใหม่ วันที่ 14 ก.พ. เวลา 09.30 น.
มีการตั้งข้อสังเกตว่า สส.เพื่อไทย อยู่ในห้องประชุมเป็นจำนวนมาก แต่ไม่กดบัตรแสดงตน จึงทำให้องค์ประชุมล่ม
ยิ่งเมื่อไปตรวจดูว่า พรรคไหนโหวตอย่างไรบ้างกับ ญัตติของ “หมอเปรม” ปรากฏว่า“พรรคประชาชน” เกือบทั้งพรรค โหวตไม่เห็นด้วย ส่วน “เพื่อไทย” เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติ “หมอเปรม” ขึ้นมาพิจารณาก่อน “ภูมิใจไทย” ไม่ร่วมลงคะแนนเกือบทั้งพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ลงมติเห็นด้วย 20 คะแนน ไม่ลงคะแนน 16 คน “ประชาธิปัตย์” เห็นด้วย 16 คน ไม่ลงคะแนน 9 คน “กล้าธรรม” ลงมติเห็นด้วยทั้งพรรค “พลังประชารัฐ” โหวตเห็นด้วย 1 คน ส่วนที่เหลือ ไม่ลงคะแนน “ชาติไทยพัฒนา” เห็นด้วยครึ่งพรรค ที่เหลือไม่ลงคะแนน “ประชาชาติ” เห็นด้วยทั้งพรรค ยกเว้น ประธานวันนอร์
ส่วน “สมาชิกวุฒิสภา” ลงมติไม่ให้เลื่อน 136 คน ไม่ลงคะแนน 26 คน งดออกเสียง 2 คน ที่เหลือเป็นเสียงข้างน้อย ที่เห็นด้วยกับการเลื่อนญัตติดังกล่าว
และเมื่อดูรายชื่อ สส.ที่รวมลงชื่อในการยื่นญัตติของ “หมอเปรมศักดิ์” ก็พบว่ามี สส.พรรคเพื่อไทย ระดับคนสำคัญ อยู่หลายคน
จึงเกิดคำถามว่า พรรคเพื่อไทย “เจตนายื้อ” การพิจารณาแก้ไขรธน.ครั้งนี้หรือไม่ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนยื่นญัตติเข้าไปแท้ๆ
“สุทิน คลังแสง” อดีต รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย ยืดอกออกมายอมรับว่า พรรคเพื่อไทยเจตนายื้อจริง!!
“สุทิน” บอกว่า ความตั้งใจของเพื่อไทย เมื่อยื่นร่างฯไปแล้วก็อยากอภิปรายจนจบ และได้ลงมติ แต่จากการประเมินล่าสุด พบว่าโอกาสที่จะผ่าน ยากมาก เพราะพรรคร่วมเสียงแตก ยังมี สว.อีก ประสานไปแล้วก็เห็นว่ายากเหมือนเดิม
ขืนปล่อยไปถูกคว่ำแน่ๆ เราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น สู้ยื้อปล่อยให้คาสภา เอาไว้ดีกว่า
“ เพื่อไทย”จึงต้องแก้เกม โดยหนุนญัตติ “หมอเปรม” ให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน ถ้าได้ยื่นให้ศาลรธน.ตีความ ก็จะยื้อเวลาไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ดันแพ้โหวต ที่ประชุมไม่ให้เลื่อน
จึงต้องงัดแผนสองขึ้นมา คือ ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ จะได้ประชุมต่อไม่ได้ ก็จะมีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ถ้าเดินทางตรงไม่ได้ ก็ขอเดินทางโค้ง หากยังไม่สำเร็จ ก็ขอหยุดการเดินทางไว้ก่อน ดีกว่าเดินไปตกเหวตาย
เมื่อออกมายอมรับกันตรงๆ เช่นนี้ เห็นทีว่า การประชุมรัฐสภาในวันที่ 14 ก.พ.ก็คงล่มตามเคย