xs
xsm
sm
md
lg

คดีที่ ป.ป.ช.- ผลสอบวินัยใกล้ออก "โจ๊ก" รู้ตัวจะจบเห่ เบื้องหลังดิ้นฟ้อง "บิ๊กต่าย" ด้อยค่า "สุชาติ" ** “เสี่ยหนู” ทำแท้งรธน.ใหม่ ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรม บอกต้องไปทำประชามติก่อนแก้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล - อนุทิน ชาญวีรกูล
ข่าวปนคน คนนปนข่าว



++ คดีที่ ป.ป.ช.- ผลสอบวินัยใกล้ออก "โจ๊ก" รู้ตัวจะจบเห่ เบื้องหลังดิ้นฟ้อง "บิ๊กต่าย" ด้อยค่า "สุชาติ" 

มีคำถามว่าทำไม "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กลับมาเคลื่อนไหวหนักในช่วงนี้ และแน่นอนใช้บริการ "หมาแก่" คนรู้ใจให้บดบี้ ขยี้ประเด็นที่ "เทพโจ๊ก" ต้องการผ่านสื่ออีกเช่นเคย

เรื่องนี้ย่อมมีเบื้องหลัง!

ว่ากันว่า เพราะคดีที่ ป.ป.ช.และ ผลสอบวินัยของตร. กำลังจะมีคำตอบ ซึ่ง "โจ๊ก" เชื่อว่าจะไม่เป็นคุณกับตัวเอง เท่ากับทุกๆ อย่างจะจบเห่เอวัง โดยบริบูรณ์

วิชาที่ถนัดจึงถูกงัดออกมาใช้ คดีที่ ป.ป.ช.จะเห็นว่า ฝ่าย “เทพโจ๊ก” เริ่มกระพือข่าว ชื่อของลูกพี่และนายตำรวจใหญ่รอบเอวจะถูก "ตีตก" โดยอนุกรรมการ ป.ป.ช.

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
คนที่จะเป็นผู้เสียสละรับผิดชอบย่อมเป็น “พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ” ตำรวจพ่อบ้านของโจ๊ก แต่เพียงผู้เดียว

สอดประสานกับกระแสข่าวว่า โจ๊ก จะหลุด ก็มีปล่อย "คลิปลับ" ของ บิ๊กป.ป.ช. ไปนั่งเจรจากับนักการเมืองรุ่นอาวุโสที่มีตำแหน่งใหญ่ในสภา ซึ่งต่อมาก็เข้าใจกันว่า ฝ่ายป.ป.ช.คือ “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ และ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา

พร้อมๆกับ ปรากฏข่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ โผล่ไปแจ้งความจับ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
“โจ๊ก”อ้างว่า ถูกบิ๊กต่ายเซ็นสอบสวนวินัยร้ายแรงไปแล้ว ทั้งที่ ป.ป.ช. ยังไม่ได้สั่งดำเนินคดี แต่ตำรวจใหญ่หลายๆ คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาเรียบร้อย กลับยังไม่ถูกสอบสวนวินัย

แถมมีข่าวว่า “โจ๊ก” เดินแผนซ้อนแผน ด้านหนึ่งทำทีเป็นเคลียร์ใจกับบิ๊กป.ป.ช. ที่เคยล่ารายชื่อยื่นสอบต่อรัฐสภา จนสามารถลวงไปติดกับดัก แอบถ่ายคลิปในขณะ “บิ๊กป.ป.ช.” คุยกับ “ท่านประธาน” เสร็จแล้วก็ปล่อยคลิปออกมา ยัดความเสียหายความด่างพร้อยให้ทั้งสองคน

นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นต่างกรรม ต่างวาระ แต่ทั้งหมดขมวดเกลียวมีเป้าหมายอยากปิดเกมที่ป.ป.ช. ให้ได้ก่อนที่ "สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" ประธาน ป.ป.ช. จะมาทำหน้าที่!

ดังนี้จึงมีขบวนการปล่อยคลิปมาเขย่าและด้อยค่า “สุชาติ”

ทำเป็นคลิปแอบถ่ายการเจรจากันระหว่าง บิ๊ก ป.ป.ช.กับนักการเมืองรุ่นอาวุโส

สุชาติ ตระกูลเกษมสุข
จริงๆแล้ว คลิปนี้มี “โจ๊ก” นั่งอยู่ร่วมวงด้วยแต่จงใจไม่พูดถึงและตั้งใจไม่อยู่ในเฟรม

ระหว่าง “โจ๊ก”กับ “สุชาติ” เคยเป็นคู่ขัดแย้งกันก่อน และ ก่อนจะไปเจอนักการเมืองอาวุโสด้วยกัน มีข่าวได้นัดพบเคลียร์ใจกันไปแล้ว เพราะตามนิสัย โจ๊ก รู้ว่า สุชาติ ในฐานะประธานป.ป.ช.คนใหม่ขอเคลียร์เรื่องที่เคยบาดหมาง แลกกับการยกเลิกถอดถอนสุชาติ ซึ่งยื่นเรื่องไปถึงวุฒิสภาแล้ว ย่อมเป็นผลดีกับตัวเอง

แต่ โจ๊กคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต!!

“สุชาติ” ไม่ตกหลุมพรางหลงเข้าไปในเกมเกี้ยเซียะของโจ๊ก และตั้งใจจะเดินหน้าคดีของโจ๊ก ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง!
ที่ผ่านมาก่อนที่สุชาติจะทำหน้าประธาน สำนักงาน ป.ป.ช.ว้าวุ่นหนัก มีความพยายามผลักดันคดีที่อนุกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าความผิดของโจ๊ก ไม่มีมูลให้คณะกรรมการชุดใหญ่เห็นชอบ "ตีตก" โจ๊กไม่เกี่ยวเว็บพนัน

ปรากฏว่า กรรมการหลายคนรู้ทัน ไม่เล่นด้วยกันคนเดินเกมให้ โจ๊ก เพราะตามความถูกต้อง ต้องรอประธานคนใหม่คือ “สุชาติ” มาทำหน้าที่

วันมูหะมัดนอร์ มะทา
ด้านผู้อาวุโส "วันนอร์" อัดกลับจับโป๊ะโจ๊ก ที่อ้างว่าไม่ได้อยู่ในคลิปโดยระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เป็นฝ่ายติดต่อมาอ้างว่า จะเข้าอวยพรปีใหม่ ครั้นบอกว่าไม่ต้องมา เพราะไม่เคยให้ใครมา โจ๊ก ก็อ้างเรื่องสมาคมปักษ์ใต้ และขอปรึกษาเรื่องการเมือง
เพราะเป็นคนใต้ด้วยกันมาคุยเรื่องสมาคมฯ จึงอนุญาตให้มาที่บ้านซึ่ง “โจ๊ก”มากับ “สุชาติ” ยืนยันว่าอยู่ด้วยกัน 3คน! และเรื่องถอดถอนสุชาติที่ โจ๊กยื่นมาก็สอบแล้วไม่มีมูล

ส่วนเรื่องแอบอัดคลิปแล้วเจตนามาปล่อย “วันนอร์” กล่าวให้คิด คนทำ"เสียมารยาท" อย่างที่สุด

เรื่องราวจากปากวันนอร์กับโจ๊กงานนี้เลือกจะเชื่อใคร สาธุชนคงพิจารณากันได้

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตัดสินความผิดของโจ๊ก ในเร็วๆ นี้
ตามไทม์ไลน์ เรื่องสอบมาครบกำหนด 9 เดือน หรือ 270 วัน ตามระเบียบแล้ว

หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชือด “โจ๊กทำผิดวินัยร้ายแรง” จริง มันย่อมส่งผลต่อการพิจารณาของ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จึงร้อนรน ดิ้นหนีตายในเฮือกสุดท้าย

เพราะด้วยเหตุและปัจจัยแบบนี้ ไม่ใช่ "คนตื่นธรรม" ก็สามารถฟันธงลงไปได้เลยว่า โจ๊กจะไปแล้วไปลับ ไม่ได้กลับสตช. ฟื้นไม่มีแทร่ๆ !

อนุทิน ชาญวีรกูล
++ “เสี่ยหนู” ทำแท้ง รธน.ใหม่ ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรม บอกต้องไปทำประชามติก่อนแก้

การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณา ญัตติ ร่างแก้ไข รธน. 2 ญัตติ ที่เสนอโดย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีการพิจารณากันในวันที่ 13-14 ก.พ. ตอนนี้ดูเหมือนจะล่มไปแล้ว

เพราะ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศเปรี้ยงว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย เพราะเสี่ยง เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ

เนื่องจาก ร่าง แก้ไข รธน. มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 นั้น ความหมายคือ เป็นการแก้ไขรธน.ทั้งฉบับ ฉีกรธน.เก่า แล้วให้ ส.ส.ร. มายกร่างใหม่

“อนุทิน” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2564 มาตั้งเป็นหลักยึดว่า หากต้องการแก้ไข รธน.ทั้งฉบับ ต้องทำประชามติ ถามประชาชนก่อน ไม่ใช่ให้สภาพิจารณาก่อน ค่อยไปถามประชาชนทีหลัง สิ่งที่สภากำลังจะทำอยู่นี้ สุ่มเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ... พรรคภูมิใจไทยไม่เล่นด้วย!!

มงคล สุระสัจจะ
ก่อนหน้านี้ ก็มีการพูดถึงเรื่องทำประชามติกันอยู่บ้างแล้วว่า ควรจะทำก่อนสภาพิจารณา หรือให้สภาพิจารณาก่อน หากผ่าน ค่อยไปทำประชามติ หรือควรจะยื่นให้ศาลรธน.ตีความก่อนหรือไม่

แต่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า ได้นำเอาญัตติทั้ง 2 ไปหารือ ในที่ประชุมของที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของประธานสภาแล้ว เสียงข้างมากเห็นว่า บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเพื่อพิจารณาได้

“ประธานวันนอร์” ยังบอกว่า เรื่องนี้ถ้าส่งให้ศาลรธน.ตีความ ศาลฯ ก็จะบอกว่า เรื่องยังไม่เกิด อำนาจการบรรจุญัตติเป็นอำนาจของประธานรัฐสภา เรื่องยังไม่บรรจุ จะไปถามศาลฯ ทำไม

ดังนั้น ตนในฐานะประธานรัฐสภา จึงตีความว่า สภามีอำนาจพิจารณาเรื่องนี้ เมื่อผ่านวาระรับหลักการแล้ว จึงค่อยไปทำประชามติ ถามประชาชน ว่าจะให้แก้รธน.หรือไม่ ถ้าให้แก้ ก็ดำเนินการต่อ ถ้าไม่ให้แก้ก็จบ ยุติทั้งหมด

อย่าลืมว่า การทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้เงินประมาณ 3 พันล้านบาท หากเราถามประชาชนก่อน ประชาชนบอกว่าเห็นด้วย ให้แก้ แต่พอมาประชุมรัฐสภา รัฐสภาบอกไม่ให้แก้ ก็เสียเงิน 3 พันล้านไปเปล่าๆ เงินจำนวนนี้ เอาไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ
นั่นจึงเป็นที่มาของการตัดสินใจ บรรจุญัตติ แก้รธน. เข้าสู่ระเบียบวาระเพื่อพิจารณา ในวันที่13-14 ก.พ.

ด้าน “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ก็มีความข้องใจถึงเรื่องการทำประชามติเช่นกัน ว่า การแก้รธน.ทั้งฉบับต้องทำประชามติกี่ครั้ง ทำในขั้นตอนไหนบ้าง จึงให้สำนักกฎหมายวุฒิสภา ไปศึกษา พิจารณาในเรื่องนี้ มีข้อสรุปอย่างไร จะได้ส่งให้ ประธานรัฐสภารับทราบ

ความเห็นของสำนักกฎหมายวุฒิสภา เห็นว่า การจัดทำรธน.ใหม่ ต้องผ่านการประชามติ 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่า ต้องการให้มี รธน.ฉบับใหม่ หรือไม่
ครั้งที่ 2 หากประชาชนเห็นชอบในครั้งแรก ให้รัฐสภาพิจารณา ร่าง รธน. ก่อนนำไปทำประชามติ อีกครั้ง
ครั้งที่ 3 เมื่อ ร่าง รธน. ฉบับใหม่เสร็จ ต้องให้ประชาชน โหวตเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบอีกครั้ง
ซึ่งความเห็นดังกล่าว สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรธน. ปี 2555 และ 2564 ที่ระบุว่า การจัดทำรธน.ใหม่ ต้องให้ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

ล่าสุดประธานวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเสนอต่อประธานรัฐสภาไปแล้ว

เมื่อท่าที ของพรรคภูมิใจไทย และ วุฒิสภา ออกมาอย่างนี้ การประชุมรัฐสภาในวันที่ 13-14 ก.พ. เพื่อพิจารณาแก้ไขรธน. ทั้งสองร่าง ก็หมดความหมายไปทันที

เพราะเห็นจุดหมายปลายทางแล้วว่าโดนคว่ำแน่


กำลังโหลดความคิดเห็น