ประธานรัฐสภาฉุน “สุรเชชษฐ์” ขอเข้าพบที่บ้าน อ้างจะมาอวยพรปีใหม่ คุยเรื่องสภาคมปักษ์ใต้ แต่กลับพา “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” มาด้วย ทั้งที่ดูสีหน้าไม่ได้อยากมา แถมแอบอัดคลิปสนทนาส่งไปให้สื่อ ชี้ไร้มารยาท ยันยกคำร้องถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช.หลังพิจารณาตามข้อเท็จจริง ไม่เกี่ยวกับการเข้าพบ
วันนี้ (12 ก.พ.) จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปแอบถ่ายการสนทนาระหว่างบุคคลสองคน ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นการพบปะกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา กับนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่ และอาจมีการเจรจาเพื่อขอให้ยุติเรื่อง หรือถอนเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ล่ารายชื่อประชาชนยื่นต่อประธานรัฐสภา ให้ถอดถอนนายสุชาติออกจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. โดยอ้างว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ว่าตนจำได้ว่าน่าจะหลังปีใหม่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ติดต่อมา แจ้งว่าจะขอเข้าพบเพื่ออวยพรปีใหม่ ตนบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาพบ เพราะไม่ค่อยให้ใครเข้าอวยพร แต่ทาง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ อ้างว่าจะมาคุยเรื่องสมาคมปักษ์ใต้ และเรื่องการเมือง ซึ่งตนก็ปฏิเสธแต่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้อ้างเ้หตุผลต่างๆ จนตนเห็นว่าเป็นคนปักษ์ใต้ด้วยกันจึงให้เข้าพบ สุดท้าย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็มาพบถึงบ้าน
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตอนนั้นมาเกือบ 1 ทุ่มแล้ว แต่พอมาถึงไม่ได้มาคนเดียว พาอีกคนมาด้วย “บอกว่าอยากให้รู้จักท่านสุชาติ ผมยังถามว่าเป็นอย่างไรกัน ตกลงกันได้แล้วหรือ เพราะทราบดีว่า มีเรื่องที่บิ๊กโจ๊กยื่นถอดถอนคุณสุชาติเอาไว้ ปรากฏว่าทาง บิ๊กโจ๊กบอกว่ามาขอถอนเรื่อง ผมบอกว่าถอนลำบาก เพราะตรวจสอบรายชื่อประชาชนที่เข้าชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่ผมดูแล้วรู้สึกเรื่องมันไม่มีมูล ทางบิ๊กโจ๊กยังบอกว่าดีๆ ส่วนทางท่านสุชาติก็นั่งเฉยๆ”
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า หลังจากคุยเรื่องนายสุชาติจบ ก็คุยกันเรื่องอื่นๆ เช่น จะเลือกประธาน ป.ป.ช.กันเมื่อใด กรรมการมีกี่คนแล้ว จากนั้นก็ลากลับ ตนยังอวยพรปีใหม่ ขอให้มีสุขภาพดี
“เรื่องมีแค่นี้ นั่งกันอยู่มี 3 คน ไม่รู้ใครอัดเทป นั่งกันที่ห้องรับแขก มี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ท่านสุชาติ และผม ท่านสุชาติคงไม่ได้อัด และหน้าตาท่านก็ไม่ได้อยากมาเท่าไหร่ ดังนั้นคนที่อัดเทปก็ต้องเป็น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ถูกแอบอัดเทประหว่างพูดคุย นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า “ไม่น่าจะเสียมารยาทลูกผู้ชายไปอัดเทป พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มาขอพบเพื่ออวยพรปีใหม่ และไม่ได้บอกว่านัดให้ท่านสุชาติมาพบ จริงๆ ผมเป็นคนมีอำนาจที่จะตรวจสอบข้อกล่าวหาที่มีต่อกรรมการองค์กรอิสระ ขณะที่ ป.ป.ช. มีอำนาจตรวจสอบผมเช่นกัน ดังนั้นท่านสุชาติก็คงไม่อยากมา แต่บิ๊กโจ๊กจะมาพบ ผมคิดว่าใช้ไม่ได้ ตรงที่มาอัดเทป แล้วตัดคลิปไปส่งไปให้สื่อ วันนั้นนั่งกันอยู่ 3 คน จะมีใครที่ทำ ผมกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ รู้จักกันมา แต่ทำเรื่องแบบนี้ไม่ถูกต้อง มาขอพบแล้วอัดเทป แอบส่งเทปให้สื่อมวลชน ไม่น่ากระทำ”
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวถึงขั้นตอนการตรวจสอบเรื่องการถอดถอนกรรมการองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.ว่า รัฐธรรมนูญให้ให้อำนาจประธานสภาทำได้ 3 อย่าง ได้แก่ รายชื่อประชาชนครบ 20,000 ชื่อหรือไม่ เนื้อหาคำร้องเป็นอย่างไร และข้อกล่าวหามีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปตามที่กล่าวหาหรือไม่
ส่วนคำร้องถอดถอนนายสุชาติ ตนได้ตรวจสอบแล้ว คำร้องมี 3 ข้อหา คือ 1.ทุจริต ประพฤติมิชอบ ซื้อรถยนต์ให้บุคคลอื่น ในชื่อคนอื่น แต่เป็นเงินของนายสุชาติ ตรวจสอบแล้วไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง ไม่มีหลักฐานการโอนเงิน และประเด็นนี้เคยร้องใน ป.ป.ช.มาแล้ว และถูกตีตกไปแล้ว 2.เรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตรวจสอบแล้วก็ไม่พบว่าสามารถเอาผิดได้ และ 3.เรื่องจริยธรรมร้ายแรงประเด็นนี้ก็ไม่ได้มีพยานหลักฐานอะไร โดยสรุป คณะทำงานที่ตนตั้งขึ้นมาตรวจสอบ ก็ไปหาข้อมูลข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหา และสรุปออกมา ตามเอกสารที่ส่งมาให้มีเกือบ 50 หน้า มีที่มาที่ไปทั้งหมดว่าตรวจสอบอะไร อย่างไรบ้าง ส่วนบทสรุปสุดท้ายมี 1 หน้า ก็คือข้อกล่าวหาไม่มีมูล
นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันว่า ไม่รู้จักกันกับนายสุชาติ และตอนที่มาก็ไม่ได้ขอร้องอะไร ที่ผ่านมาไม่เคยติดต่ออะไรกันเลย วันที่มาพบ บิ๊กโจ๊กต้องการจะมาบอกว่าไม่ติดใจแล้ว ให้เรื่องตกได้ก็ดี ตนยังบอกว่า ถ้าคำร้องตกจริง ก็ตกโดยเนื้อแท้ จะไปตีตกไม่ได้ เรื่องนี้ถ้าไม่มีหลักฐานก็เอาผิดไม่ได้
"เรื่องนี้เราตรวจสอบแล้ว เป็นเรื่องเก่า ไม่มีมูลโดยสัตย์จริง เมื่อเรื่องไม่มีมูล แล้วเราไปส่งศาลฎีกาทุกเรื่อง แบบนี้องค์กรอิสระทำงานยาก แต่ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูล ก็ต้องส่งให้ศาลตามขั้นตอน ต้องไม่ลืมว่ากว่ากรรมการแต่ละคนจะได้ดำรงตำแหน่ง ต้องผ่านการสรรหา มีคณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มฃ้น และผ่านการโหวตของวุฒิสภา กระทั่งเสนอโปรดเกล้าฯ การจะตรวจสอบเพื่อถอดถอนจึงต้องมีพยานหลักฐานค่อนข้างแน่ชัดจริงๆ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว