“ภูมิธรรม” เผยมีการขอพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับ “หม่อง ชิดตู่” แล้ว แต่คงเข้าไปจับในพม่าไม่ได้ ต้องรอให้ข้ามแดนมา และเฝ้าดูที่พักที่มีข่าวว่าอยู่ภาคเหนือ หากเข้ามาพร้อมจับทันที ลั่นสั่งเด้ง 5 นายตำรวจสงสัยเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อสอบสวน ยังไม่สรุปว่าทั้งหมดมีความผิด
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่สนามบิน กองบินตำรวจ รามอินทรา กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเตรียมออกหมายจับ พันเอก หม่อง ชิดตู่ ผู้นำคนปัจจุบันของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง ว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าหมายจับออกแล้วหรือไม่ แต่มีการติดต่อประสานมาเพื่อขอหลักฐานในการออกหมายจับ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เมื่อออกหมายจับแล้ว คงไปจับในประเทศเขาไม่ได้ เพราะถือเป็นอธิปไตย แต่ถ้าออกหมายจับแล้ว มีการขยับเข้ามาพื้นที่ของไทย ก็สามารถจับได้เลย ซึ่งหากมีการออกหมายจับก็จะไปเฝ้าดูที่พักที่มีข่าวว่าอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ
ส่วนการออกคำสั่งย้ายข้าราชการที่เข้าไปพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ขณะนี้มีสองราย จะมีการออกคำสั่งเพิ่มอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้มีคำสั่ง 5-6 ตำแหน่ง คือ ผู้กำกับ 3 สถานี ซึ่งเป็นพื้นที่ตามรายงานข่าว คือ สถานีตำรวจภูธรแม่สอด สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด และสถานีตำรวจภูธรพบพระ โดยให้ขาดจากการปฏิบัติงานในหน้าที่เดิมให้ย้ายไปกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ส่วนอีกสองรายนั้นเป็นผู้การฯ จังหวัด และ นายพล ต. ในส่วนของนายพล ต. ถูกกำหนดและระบุเส้นทางอีกหลายส่วน ก็ได้สั่งย้ายมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งหมดไม่สามารถสั่งการในพื้นที่ได้ แต่ยังไม่ได้หมายความว่า ทั้งหมดมีความผิด เพียงต้องดำเนินการจัดการข้อที่ถูกกล่าวหาที่สอบสวนขั้นต้น เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องในพื้นที่ที่อาจจะเป็นการละเลยหรือเรื่องอะไรต่างๆ ซึ่งทางตำรวจได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว หากพบว่า มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ขณะนี้นำออกมาเพื่อให้ทำงานสะดวกและปลอดภัยขึ้น และทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความโปร่งใสชัดเจน ถืออยู่ในกระบวนการ “SEAL STOP SAFE” ใน 51 อำเภอ 14 จังหวัด ที่หากพบว่ามีปัญหาจังหวัดและผู้การฯ จังหวัดต้องรับผิดชอบ และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท้องที่ใน 76 สถานี ก็จะดำเนินการแนวนี้ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพและข้อเท็จจริง ต้องให้เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้น จะทำให้เสียกำลังใจ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเยอะ ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็จะเอาออกมาจากพื้นที่ก่อน ซึ่งการเกี่ยวข้องอาจไม่เกี่ยวโยงผลประโยชน์ อาจปฏิบัติหน้าที่บกพร่องทำให้เกิดปัญหามาก และตามเงื่อนไขที่คุยในเรื่องซีลชายแดนสามส่วน ถ้าไม่ชัดเจนว่าจะทำไหวก็ให้แจ้งมา แต่ถ้ายืนยันว่าทำไหวก็ต้องทำให้เกิดผล เพราะกระบวนการนี้มีทั้งคุณและโทษ แต่ไม่ได้มุ่งหมายว่าเจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายผิด แต่ต้องรับผิดชอบในพื้นที่ที่ดำเนินการอยู่