ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ใครหว่า!? "นักการเมืองจิตวิปริต" ในมือถือแตงโม "ปานเทพ" เชื่อเครือข่ายเกี่ยวโยง 200 คน !?
กำลังเป็นที่สนใจและติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า มีข้อมูลอะไรอยู่ในมือถือ “แตงโม-นิดา” ที่จะนำไปสู่การ “พลิกคดี” หรือไม่ อย่างไร ?
เรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า นับตั้งแต่ “บังแจ็ค” ซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ ส่งมอบมือถือของ แตงโม-นิดา น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวชื่อดังที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 ให้กับ “นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์” แล้วส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” จากนั้นก็มี “ข้อมูล” ออกมาให้ขบคิดอย่างต่อเนื่อง
“บังแจ็ค” บอกก่อนนี้ว่า ข้อมูลในมือถือมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศ เกี่ยวข้องด้วย
ข้อมูลในมือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่ง “มดดำ” คชาภา ตันเจริญ หนึ่งในนั้น ออกมาเปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง แต่ก็ยังเหลืออีก 2-3 คน ที่ยังไม่ได้ออกมาพูด
รวมทั้ง “กระติก” น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.เข้าหาแตงโม เมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูล ทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ รวมไปถึง ร่องรอยการลบบัญชีทั้งบัญชี!
ล่าสุดฟังว่า หลังจากมือถือแตงโมมาถึงไทย ปรากฏว่า มีใครบางคนพยายามล็อกอินเข้า iCloud ของ “แตงโม” แต่เผอิญเข้าไม่ได้ ระบบเลยเด้งไปที่ “บังแจ็ค” ซึ่งได้เปลี่ยนพาสเวิร์ดใหม่ ตอนที่ได้รับมือถือแตงโม ทำให้รู้ว่า ใครเป็นเจ้าของ ไอแพด ที่พยายามล็อกอินเข้ามา!
นี่แสดงให้เห็นว่า มีใครเริ่มร้อนๆ หนาวๆ กับข้อมูลในมือถือแตงโมที่อยู่ในมือ “ดีเอสไอ”
รวมไปถึงที่มีรายงานว่า ในมือถือมีข้อความถูกส่งระบุชื่อเป็นนักการเมืองใหญ่ ที่ชอบถามว่า “รู้มั้ย กูลูกใคร” ขอให้ดาราสาวส่งภาพลับโป๊เปลือยส่วนตัว ของตัวเองมาให้ชม
นักการเมืองจิตวิปริตหมกหมุ่นเรื่องเพศ เป็นใคร คงไม่ต้องสงสัยกันว่าตอนนี้สังคมโซเชียลฯ ก็ไล่ถาม ตามหากันให้ควั่ก
เพราะฉะนั้นอนุมานได้ว่า ข้อมูลในมือถือของน้องแตงโม ย่อมมีความลับ หรือ มีข้อมูลที่พอเปิดออกมาน่าจะส่งผลต่อบุคคลหลายต่อหลายคนดังที่ “บังแจ็ค” ว่าไว้
ข้อมูล ที่ทั้งทำให้รู้ว่าใครเป็นอย่างไร ซึ่งหากคิดจิตอกุศล ก็ใช้ต่อรอง หรือแบ็กเมล์ ไปจนถึงตบทรัพย์ กันได้
ดังนั้นเอง หลังเกิดเหตุและเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 3 ปี ถึงวันนี้ก็ยังมีขบวนการ “ดิสเครดิต” ข้อมูลส่วนนี้และส่วนตัวของ “บังแจ็ค”
เจตนาเพื่อต้องการเบี่ยงเบนประเด็น และให้สังคมไม่ต้องมาสนใจในเรื่องราว
มินาละ! ถึงบางอ้อกันเป็นแถว เพราะคนบนเรือ นักการเมือง ตำรวจ และ ผู้ที่เกี่ยวโยง เข้ามาอยู่ในข้อมูลของ “แตงโม” ล้วนต้องการให้คดีจบเร็วๆ
ขณะที่ “อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ผู้นำในการไขปริศนาคดีแตงโมในรอบใหม่นี้ ให้สัมภาษณ์รายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ช่อง 8 เมื่อวาน (10ก.พ.) ระบุว่า จะเห็นเป็นขบวนการว่า ทำไมทำให้เกิดการดิสเครดิตข้อมูลนี้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีทั้งตำรวจ คนเกี่ยวข้องกับคนบนเรือ คนนอกเรือ เจ้าหน้าที่รัฐอื่น นักการเมือง เพจต่างๆ และสื่อต่างๆ เครือข่ายรวมกันแล้วกว่า 200 คน!
งานนี้เรียกว่าพีกไม่พัก! และเป็นคำถามให้ติดตาม จากมือถือของ “แตงโม” จะนำไปสู่หลักฐานที่จะใช้ไขคดีได้หรือไม่?
โปรดติดตามกันต่อไป.
++ ปรับ ครม. มีแน่ แต่จะก่อน หรือหลังศึกซักฟอกเท่านั้น
พลันที่ฝ่ายค้านเคลื่อนไหว เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มีข่าวปรับ ครม. ตีคู่มาทันที
บวกกับกระแสข่าวว่า “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม จัดระเบียบภายในพรรคเรียบร้อยแล้ว เตรียมหวนคืน ครม. ยิ่งทำให้ข่าวการปรับครม. มีน้ำหนักมากขึ้น
บรรดา “รัฐมนตรีโลกลืม” และ “รัฐมนตรีสายล่อฟ้า” รวมทั้ง “รัฐมนตรีต่างตอบแทน” เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
ขณะที่ “ว่าที่รัฐมนตรี แถว 2” ต่างคึกคัก เริ่มออกแสดงตนตามหน้าสื่อ ออกแอกชัน ทำตัวเป็นองครักษ์ให้ “นาย” เห็น เพราะโอกาสลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีได้มาถึงแล้ว
แม้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร จะออกมาเบรกกระแส ว่า “ไม่ได้จะปรับ” แต่ถ้าจะปรับจริง จะต้องมีการพูดคุยกันในเนื้องาน ตอนนี้ยังอยากให้การทำงานต่อเนื่อง และตนเองก็เพิ่งมาเป็นนายกฯ ได้ไม่นาน รัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมา ก็ยังเป็นได้ไม่นานเหมือนกัน ดังนั้นต้องอาศัยความต่อเนื่องของการทำงาน
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะปรับครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจะมีการสลับกระทรวง เปิดทางให้ “ร.อ.ธรรมนัส”กลับมานั้น ได้ฟังข่าวเช่นกัน ก็มาเป็นมหากาพย์เหมือนกัน แต่ไม่มีอะไรที่ตรงกับสิ่งที่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว
เอาเป็นว่า ถ้าจะมีการปรับครม. จะเป็นคนบอกเอง คนอื่นบอกนั้น ไม่ใช่คำตอบ!!
ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อนายกฯ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง แถมมีประสบการณ์ในการปรับครม. ระดับ “กูรู” บอกว่า คุยกับนายกฯเป็นประจำ รู้ว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะทุกคนยังทำงานกันได้ด้วยดี มีติดขัดเล็กน้อย แต่ยังเตือนกันได้ ยังไปด้วยกันได้ โดยไม่มีปัญหา
แต่ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลเสนอมา ว่าต้องการจะปรับ ก็ต้องรอดูจังหวะ จะต้องปรับด้วยกัน ไม่ใช่แค่ปรับแค่คน หรือ สองคน หากไม่ใช่เงื่อนไขนี้ เชื่อว่านายกฯคงยังไม่ปรับ
ทั้ง “นายกฯอิ๊งค์” และ “ทักษิณ” ต่างบอกว่ายังไม่ปรับ แต่ก็ยังมีคำว่า “แต่” เป็นตัวแปร ว่าพร้อมจะปรับด้วยกันทั้งคู่ อีกทั้ง “ทักษิณ” ยังเคยออกปากว่า มีรัฐมนตรีบางกระทรวงที่มัวแต่ “รำวง” อยู่ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าคงอีกไม่นานมีลุ้นกันแน่
คราวนี้เรามาดูกันว่า ถ้ามีการปรับ ครม. ภาพรวมของแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไร
เริ่มจากพรรคเพื่อไทย การปรับครั้งนี้ รัฐมนตรีในโควตา “นายกฯอิงค์” ซึ่งหมายถึงคนรุ่นใหม่ ก็จะได้เวลาขึ้นมาแทนคนรุ่นเก่า ตามแผนงานเตรียมคนไว้สู้กับพรรคประชาชน ขณะที่คนรุ่นเก่าที่ได้รับรางวัล เป็น “รัฐมนตรีต่างตอบแทน” ก็ถึงเวลาลงจากเก้าอี้ ไปมีบทบาทในการวางยุทธศาสตร์ เตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ของ “ครูใหญ่บุรีรัมย์ กับเสี่ยหนู ” ที่ผ่านมาจะไม่มีแรงกระเพื่อมภายใน แต่อาจถูกต่อรอง สลับกระทรวงจากพรรคร่วม อย่างเพื่อไทย ถ้าไม่ได้ทั้งกระทรวง ก็ขอมีคนของพรรคเพื่อไทย เข้าไปมีส่วนในกระทรวงนั้นๆด้วย โดยเฉพาะกระทรวงที่มีส่วนในการเลือกตั้ง
พรรครวมไทยสร้างชาติ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯและรมว.พลังงาน มีชื่อมาสองรอบแล้วว่าจะหลุดจากตำแหน่ง จนสื่อให้ฉายาว่า “พีระพัง” แต่ก็รอดมาได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่ายังอยู่ได้ เพราะไม่มีแผล ทั้งยังมีผลจาก “ดีลเก่า” ปัญ
หาเล็กๆ ภายในพรรค ระหว่างหัวหน้ากับเลขาฯพรรค ก็เคลียร์แล้ว
พรรคนี้ที่น่าเป็นห่วงก็คือ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ที่ข่าวว่ามักมีธุระในวันประชุมครม.อยู่บ่อยๆ และเริ่มหันไปสนิทสนม กับ “ผู้กองธรรมนัส” มากกว่าคนในพรรค
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีเก้าอี้รัฐมนตรีน้อย แต่มีรัฐมนตรีแถวสองอยู่เยอะ ข่าวว่าพอเริ่มได้กลิ่นปรับครม. ก็มีเสียงทวงสัญญาใจกันแล้ว
สำหรับการเมืองไทยแล้ว บรรยากาศช่วงปรับครม. ก็ไม่ต่างจากช่วงจัดตั้งรัฐบาลสักเท่าไร เพราะนักการเมืองมีคติประจำใจว่า “การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์” การต่อรอง แรงกระเพื่อมต้องมีแน่ จนกว่าผลประโยชน์จะลงตัว