เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังหลบหนีคดีความผิดที่เชื่อมโยงกับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ต้องยืดเวลากลับไทยอย่างไม่มีกำหนด โดยบอกว่ายังมีหลายปัจจัยไม่เหมาะสม
ตามกำหนดการเดิม คนที่เคยออกมาเปิดเผยถึงการกลับไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คือ “พี่ชาย” ของเธอ นายทักษิณ ชินวัตร ครั้งแรกบอกว่าจะกลับมาในช่วงเดือนเมษายน หรือก่อนช่วงสงกรานต์ปีนี้ จากนั้นก็ย้ำอีกครั้งว่า กลับแน่ และอาจเร็วกว่าเดิม
แต่ล่าสุด นายทักษิณ กลับกล่าวถึงกระแสข่าวการเดินทางกลับไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงสงกรานต์นี้ ว่า ยังต้องดูเรื่องความเหมาะสม
ถามว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่สามารถเดินทางกลับได้ นายทักษิณ กล่าวว่า มีหลายปัจจัย ส่วนจะเดินทางกลับมาภายในปีนี้ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ ความจริงเขาอยากกลับตั้งแต่เมื่อวาน
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์คาดการณ์กันตามมาต่างๆ นานา ว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่กลับมาตามกำหนดการเดิม เช่น นายเทพไท เสนพงศ์ ที่ผันตัวมาเป็นนักวิจารณ์การเมือง มองว่า สาเหตุที่ยังกลับไม่ได้ เพราะ 5 สาเหตุหลัก ดังนี้
1.บทบาทของนายทักษิณเอง ที่แสดงบทบาทเกินขอบเขต ต้องการ แสดงบทบาทเป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุด
2.ผลจากการเลือกตั้งนายกอบจ.ที่พ่ายแพ้หลายจังหวัด ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขาดความไว้วางใจ ที่จะมอบให้เป็นตัวแทนสู้กับพรรคประชาชน
3.การเตรียมการข้อกฎหมาย ที่จะใช้อภินิหารทางกฎหมาย ยังไม่มีความพร้อม และฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังไม่เห็นชอบ ถ้ากลับมาตอนนี้อาจต้องติดคุกจริงก่อน
4.ประเด็นของนายทักษิณเรื่องชั้น 14 ยังเป็นปัญหาคาใจของสังคม และยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช.อยู่ ซึ่งผลการตรวจสอบยังไม่รู้ว่า จะเป็นการป่วยจริง หรือป่วยทิพย์
5.ถ้าหากนำนางสาวยิ่งลักษณ์ กลับมาแบบนักโทษเทวดา ก็จะเป็นนักโทษนางฟ้าอีกคน ก็ยิ่งจะเพิ่มกระแสความไม่พอใจของสังคมมากขึ้นอีก
ส่วนคำถามว่า นางสาวยิ่งลักษณ์จะได้เดินทางกลับมาทันภายในปีนี้หรือไม่นั้น นายทักษิณ ตอบว่า “กำลังดูอยู่ ความจริงเขาอยากกลับตั้งแต่เมื่อวาน” ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทั้งนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ อยากกลับประเทศไทยมากๆ แต่เงื่อนไขทั้งหมดอยู่ที่นายทักษิณ จะเจรจา หรือเปิดดีลใหม่กับฝ่ายอนุรักษ์นิยมสำเร็จ หรือไม่
แน่นอนว่า การประเมินส่วนใหญ่ก็น่าจะมีส่วนจริง หรือมีความเป็นไปได้ แต่หากพิจารณากันอีกมุมหนึ่ง ก็สามารถมองได้ว่าสาเหตุที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกลับไม่ได้ในตอนนี้ สาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะ “บรรยากาศไม่เหมาะ” ไม่ลงตัว และที่สำคัญก็คือ ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุใหญ่มาจากนายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ
ที่ต้องพูดแบบนี้ เพราะก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ทั้งในรัฐบาล ตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็น “ลูกสาว” พรรคเพื่อไทย บทบาททั้งในและนอกสภา ล้วนเข้าใจกันว่าเป็นเพราะเขาเป็นคนกำหนด และสามารถทำได้ทุกอย่าง ขณะเดียวกัน ลักษณะการเคลื่อนไหวและการแสดงบทบาทดังกล่าวก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสังคมอีกกลุ่มใหญ่เช่นกัน
ตัวอย่างเช่นกรณี “ชั้น 14” ที่ถูกมองว่า เป็น “อภิสิทธิ์ชน” ทำตัวเหนือกฎหมาย กระทำในสิ่งที่ไม่บังควร จากการที่มีการขอพระราชทานอภัยโทษสำนึกผิด จนได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี แต่ก็ไม่เคยติดคุกจริงสักวันเดียว การอ้างว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤติ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ในตอนแรกอาจพอรับฟังขึ้น แต่การที่ยังรักษาตัวนานถึง 6 เดือน และเมื่อพ้นโทษออกมา กลับมาเดินปร๋อ ทุกอย่างมันก็ประจานตัวเอง และยิ่งทำให้กระทบไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาจนถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่เรือนจำ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ออกมาปกป้อง นายทักษิณ ลองถามใจตัวเองดูว่า นายทักษิณ ป่วยจริงหรือเปล่า และกรณีนี้แหละที่ทำลายศรัทธา ทั้งตัวเขา และลามมาถึงรัฐบาลที่เขาเป็นคนผลักดัน
ขณะเดียวกัน ที่กำลังต่อเนื่องกันมาก็คือ มันมีเหตุให้ต้องมีการสอบสวนหาความจริง ทั้งจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กำลังคืบหน้าไปเรื่อยๆ หรือแม้แต่การที่มีคณะอนุกรรมการสอบสวนของแพทยสภาฯ ที่กำลังจะได้ข้อสรุปภายในเดือนหน้า ยิ่งทำให้เกิดความระทึกขวัญสั่นประสาท เพราะเป็นการสอบสวนหาข้อเท็จจริงจากการรักษาพยาบาล เป็นการเรียกเค้นเอาจากแพทย์ ซึ่งถือว่า “รู้ทาง” กัน ซึ่งในทางสังคมกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้และทำให้ “บรรยากาศติดลบ” ในเวลานี้ก็คือ “ผลงาน” ของ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของตัวเอง ไม่ปังอย่างที่คาด มิหนำซ้ำยังมีปัญหาถูกตั้งคำถามด้วยความสงสัย ในเรื่องความรู้ความสามารถ รวมไปถึงเรื่อง “วุฒิภาวะ” ซึ่งแน่นอนว่า ยังอาจไม่ถึงขั้นเลวร้าย แต่รับรองว่าถูกมองจากภายนอกยังถือว่า “น่าผิดหวัง”
อีกทั้งในช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายน ยังเป็นบรรยากาศ “ซักฟอก” รัฐบาล โดยที่ฝ่ายค้านกำลังจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดหมายว่า จะได้อภิปรายในเดือนเมษายน และหัวข้อสำคัญหนึ่งในนั้นก็ต้องมีเรื่อง “เทวดาชั้น 14” แน่นอน
หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไทยในช่วงนี้ ก็ย่อมถูกวิจารณ์หนักหน่วงแน่ เพราะสำหรับพวกเขาแล้วก็ต้องในรูปแบบที่เรียกว่า “แบบนางฟ้า” เหมือนกับพี่ชายที่เป็นแบบ “เทวดา” นั่นแหละ นั่นคือ “ต้องไม่ติดคุก” แต่การไม่ติดคุกแบบนั้นหากซ้ำรอยพี่ชาย มันก็ต้องอยู่ในช่วงพีกสุดขีด แต่ในเวลานี้ เสียงวิจารณ์จะต้องดังสนั่นแน่นอน เพราะแม้แต่ นายทักษิณ เวลานี้ ก็ยังโดนหนักหน่วงทุกวัน
ดังนั้นหากให้สรุปบรรยากาศเวลานี้ ถือว่า “ไม่เหมาะสม” ด้วยประการทั้งปวง เพราะเวลานี้ทุกอย่างแทบจะติดลบทั้งหมด ทั้งตัว นายทักษิณ ที่เสื่อมมนต์ขลัง พิสูจน์ได้จากการเลือกตั้ง อบจ.ที่ผ่านมา รัฐบาล “ลูกสาว” ที่ผลงานไม่น่าประทับใจ และยิ่งเป็นบรรยากาศการ “ซักฟอก” มันก็ยิ่งซ้ำเติมเข้ามาอีก และที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมาพวกเขาเริ่ม “ใช้แต้มบุญ”เก่าเกือบหมดแล้ว ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีกำหนดกลับไทย เพราะหากฝืนกลับมามันก็เสี่ยงที่ต้องยกโขยงออกไปอีกก็เป็นไปได้เหมือนกัน !!