แฉการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ตาม MOU 44 เกือบสำเร็จในปี 49 เมื่อระดับคณะทำงานสามารถตกลงสัดส่วนกันได้แล้ว แต่ “ทักษิณ” โดนยึดอำนาจเสียก่อน รัฐบาล “สุรยุทธ์” เข้ามาปรับแก้ใหม่ ในปี 2550 กัมพูชาได้ประโยชน์น้อยลง กัมพูชาจึงไม่ยอม หลังจากนั้น “ฮุนเซน” ได้ตั้ง “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาเพื่อสานต่อผลประโยชน์
ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม อดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง เผยแพร่บทความเรื่อง “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ตอนที่ 11 : การแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่พัฒนาร่วมที่เกือบตกลงกันได้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ” เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 มีเนื้อหา ดังนี้
ตามที่ MOU 2544 ได้กำหนดกรอบและกลไกในการเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งความตกลงร่วมกันในการปักปันเขตแดนและการใช้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา โดยมีกรอบในการเจราเรื่องการปักปันเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหนือเส้นละติจูด 11o เหนือ และการพัฒนาพื้นที่ร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนใต้เส้นละติจูด 11o เหนือ ตามภาพที่ 1 (1.1) ในลักษณะที่ไม่แบ่งแยกออกจากกัน (indivisible package) และมี กลไกในการเจรจา โดยให้มีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายซึ่งแต่งตั้งแยกกัน เพื่อดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อตกลงร่วมกันตามกรอบเจรจาดังกล่าว
ในการประชุม JTC ครั้งแรก เมื่อวันที่ 6-7 ธ.ค. พ.ศ. 2544 ที่กรุงเทพมหานคร ได้มีมติให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Sub-Committee:JTSC) ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ช่วยเจรจาเบื้องต้นในรายละเอียดด้านเทคนิคสำหรับการแบ่งเขตทางทะเลและรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ร่วม โดยมี นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้นเป็นประธานฝ่ายไทย และ นายวาร์ คิม ฮง ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านกิจการเขตแดนเป็นประธานฝ่ายกัมพูชา ต่อมาได้มีการตั้งคณะทำงานและคณะผู้เชี่ยวชาญร่วมรวม 3 คณะ ภายใต้ JTSC ซึ่งได้แก่ คณะทำงานร่วมว่าด้วยระบอบการพัฒนาร่วม (Joint Working Group on Joint Development:JWGJD) คณะทำงานร่วมว่าด้วยการแบ่งเขตแดน (Joint Working Group on Maritime Delimitation:JWGMD) และคณะผู้เชี่ยวชาญร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Expert Group:JTEG) ซึ่งแต่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2546 2549 และ 2549 ตามลำดับ
ในช่วงปี พ.ศ. 2546-2550 JWGJD ได้มีการประชุมรวม 5 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. พ.ศ. 2550 ฝ่ายไทยได้เสนอแบ่งพื้นที่พัฒนาร่วมซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนใต้เส้นละติจูด 11o เหนือ ออกเป็น 3 เขตดังแสดงตามแผนภาพที่ 1 (1.2) โดยเสนอให้สัดส่วนการแบ่งผลประโยชน์ ไทย:กัมพูชา สำหรับเขตตรงกลางเป็น 50 50 เขตที่อยู่ใกล้ฝั่งไทยเป็น 90:10 และเขตที่อยู่ใกล้ฝั่งกัมพูชาเป็น 10:90 แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. พ.ศ. 2549 ในโอกาสที่ นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น ได้เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในขณะนั้น ได้มีการประชุมหารือเรื่องการทำให้เกิดความคืบหน้าในการเจรจาแบ่งเขตทางทะเลและการพัฒนาร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ผลของการประชุมครั้งนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ต่อมารัฐบาลนายทักษิณได้ถูกปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. พ.ศ. 2549
แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. พ.ศ. 2554 หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ได้อ้างการเปิดเผยของวิกีลีกส์ (www.wikileaks.org) รายงานว่า เอกสารลับทางการทูตของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 พ.ค. พ.ศ. 2550 ให้รายละเอียดการเยือนของสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council) ที่ไปกรุงพนมเปญ โดยผู้แทนของโคโนโคฟิลิปส์ (Conoco Phillips) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกาได้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาแก้ปัญหาข้อพิพาทกับประเทศไทยสำหรับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย โดยบริษัทดังกล่าวมีสัญญาสำหรับการแสวงหาประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลาใกล้ 10 ปีแล้ว ในการประชุมครั้งนั้น นายเกา คิม ฮอร์น (Kao Kim Hourn) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ได้แจ้งบริษัทดังกล่าว ว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชาเกือบได้ข้อยุติของข้อพิพาทแล้วก่อนที่รัฐบาลของนายทักษิณจะถูกปฏิวัติ และได้กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันในหลักการการแบ่งสัดส่วนผลประโยชน์ ไทย:กัมพูชา สำหรับเขตตรงกลางเป็น 50:50 เขตที่อยู่ใกล้ฝั่งไทยเป็น 80:20 และเขตที่อยู่ใกล้ฝั่งกัมพูชาเป็น 20:80 โดยในขณะนั้นเขาคิดว่าการเจรจาเพิ่มเติมอีกหกเดือนน่าจะได้ข้อยุติในเรื่องนี้
แต่หลังจากที่รัฐบาลนายทักษิณได้ถูกปฏิวัติ ในสมัยรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ การประชุม JWGJD ในปี พ.ศ. 2550 ฝ่ายไทยได้เสนอปรับการแบ่งสัดส่วนผลประโยชน์ ไทย:กัมพูชา ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และทำให้กัมพูชาไม่ยอมตกลงด้วย ซึ่งกัมพูชาอาจรู้ข้อมูลทางธรณีวิทยาอยู่แล้วว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เขตที่อยู่ใกล้ฝั่งกัมพูชาไม่มีแอ่งที่สะสมตัวของปิโตรเลียมที่สำคัญอยู่เลย ในขณะที่เขตที่อยู่ใกล้ฝั่งไทยมีแอ่งที่สะสมตัวของปิโตรเลียมอยู่เกือบตลอดแนว การลดสัดส่วนผลประโยชน์ของกัมพูชาลงจาก 20 เป็น 10 ในเขตนี้ จึงมีผลกระทบต่อกัมพูชาอย่างมาก
นอกจากนี้ วิกีลีกส์ยังเปิดเผยอีกว่า เชฟรอน (Cheron) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับสัมปทานพัฒนาบล็อก A นอกชายฝั่งของกัมพูชา สนใจเป็นอย่างมากในการได้รับสิทธิสำหรับบล็อกในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนดังกล่าว โดย นายแกรี่ ฟลาเฮอร์ตี (Gary Flaherty) ผู้จัดการทั่วไปด้านการสำรวจของเชฟรอนได้กล่าวด้วยว่า พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนดังกล่าวเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการการสำรวจ และมันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่สำหรับกัมพูชา หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ได้รายงานต่ออีกว่า ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยนี้ได้เผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร กับกัมพูชา โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 การไปเยือนกรุงพนมเปญของนายทักษิณ ชินวัตร หลังถูกปฏิวัติ ถูกมองโดยผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ว่าเป็นการสานต่อของนายทักษิณ ชินวัตร และนายฮุน เซน ในการใช้กันและกันเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันที่ 4 พ.ย. พ.ศ. 2552 รัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมทั้งยืนยันไม่ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ให้กับไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากได้รับการร้องขอจากไทย