รับลูกผ่าตัดกระบวนการ EIA /EHIA ครม. มอบ ทส. เจ้าภาพร่วมฯ 6 หน่วยงานทําแผน เสนอใน 30 วัน เพื่อลดความแตกแยก สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เน้นกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรองโครงการอนุมัติอนุญาตจัดทำรายงาน เพื่มกำหนดโทษ"ข้าราชการ / จนท. / เอกชนร่วมกันทุจริต เอี่ยวกระบวนการเรียก-รับสินบนในขั้นตอนการอนุมัติ/อนุญาต หลีกเลี่ยงการจัดทำรายงานฯ ปรับปรุงแนวทางการเปิดเผยข้อมูล/การมีส่วนร่วม ถ่วงดุลอุทธรณ์มติคชก./กก.วล.หลัง ป.ป.ช. เสนอ ข้อเสนอแนะ 4 ข้อใหญ่ 13 ข้อย่อย
วันนี้ (10 ก.พ.2568) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA)
หลังจากเคยมีข้อเสนอ ให้มีการยกเลิกรายงาน/ กระบวนการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่สร้างความขัดแย้งในหลายโครงการ
ล่าสุดพบว่า คณะรัฐมนตรี เมื่อ 4 ก.พ. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมิน สวล. (คชก.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) มหาดไทย อุตสาหกรรม และ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
เพื่อจัดทําแผนหรือแนวทางการดําเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอคณะรัฐมนตรี ใน 30 วัน
ประกอบการพิจารณา โดยให้ ทส. รายงานผลการดําเนินการตามข้อเสนอแนะฯ ดังกล่าว ต่อสํานักงาน ป.ป.ช. เป็นประจําทุกปี หรือตามระยะเวลาที่เห็นสมควร
ข้อเสนอดังกล่าว เพื่อเป็นมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเข้มงวด ตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ดังนี้
ข้อเสนอให้มีการตรวจสอบกลั่นกรองโครงการ ก่อนเข้าสู่กระบวนการอนุมัติอนุญาตหรือการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น
ให้ภารกิจ ดีอี ทส. พัฒนาจัดทำ “ระบบศูนย์บริการข้อมูลด้านการอนุมัติ/อนุญาต และการตรวจสอบกลั่นกรองโครงการ” อาทิ การตรวจสอบข้อมูลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง เป็นต้น
"รวมถึงการตรวจสอบข้อกำหนดตามกฎหมายโครงการ/กิจการต่าง ๆ การกลั่นกรองโครงการ/กิจการ EIA หรือ EHIA อย่างถูกต้อง รัดกุม"
ข้อเสนอการกำกับการจัดทำรายงาน EIA หรือ EHIA ของ สผ.ทส ควรมีการปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยีและฐานข้อมูลด้านการอนุมัติ อนุญาต เชื่อมโยงข้อมูลกับ “ศูนย์ข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Smart EIA Plus)” ของ สผ. ในรูปแบบ One Stop Service
ให้พัฒนาบุคลากร ทั้งระบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กฎหมายและกฎระเบียบ รวมทั้งจัดทำคู่มือแนวทางการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน เพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการเรียก-รับสินบนในขั้นตอนการอนุมัติ/อนุญาต เพื่อหลีกเลี่ยงการจัดทำรายงานฯ
เสนอจัดทำแผนงานโครงการของหน่วยงานของรัฐ ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ หากพบว่าเป็นโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานฯ ให้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อผู้มีอำนาจอนุมัติ/อนุญาต และในขั้นตอนการจัดทำคำของบประมาณ
กำหนดแผนป้องกันแก้ไขปัญหาการอาศัยช่องว่างของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยง EIA หรือ EHIA เช่น โครงการที่กำหนดขนาดหรือกำลังการผลิตให้ต่ำกว่าเกณฑ์เพียงเล็กน้อย หรือแบ่งซอยโครงการขนาดใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กหลายโครงการ
"ควรเพิ่มอำนาจให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการเสนอความเห็นหรือข้อสังเกตต่อ สผ. หากพบว่า มีพฤติการณ์เลี่ยงกฎหมาย ต้องกำหนดแนวทางในการวินิจฉัยที่ชัดเจน ซึ่งรวบรวมจากแนวคำพิพากษาของศาลและกรณีศึกษาต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้โครงการ EIA หรือ EHIA ต่อไป
กรณี หากอาจก่อให้เกิดผลกระทบสะสม โดยอาจเห็นควรให้นำแนวทางของ"โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่มีขนาดกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ถึง 10 เมกะวัตต์"
ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ต้องทำ EIA แต่ก็ต้องดำเนินการจัดทำประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice: CoP) ตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานฯ หลักการปฏิบัติสำหรับการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2565 มาผลักดันใช้
ขณะที่ สผ. และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ควรขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงาน
"บูรณาการส่วนราชการ ระดับภูมิภาค/ท้องถิ่น จัดทำแผนการประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรณีขัดกันแห่งผลประโยชน์ การเรียก-รับผลประโยชน์ตอบแทน จากทั้งผู้ดำเนินโครงการและผู้จัดทำรายงานฯ การประชาสัมพันธ์ เสริมสร้างความรู้"
จัดให้มีระบบการรับเรื่องร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรายงานต่อกระทรวงฯ ทุกปี
ข้อเสนอให้ปรับปรุงแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำรายงานอย่างเข้มข้นมากขึ้น ทั้งองค์กรภาคเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา นักวิชาการอิสระ และสื่อมวลชน
สำหรับกรณีโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำ “รายงานการประเมินฯ EHIA” เช่น การทำเหมืองแร่ อุตสาหกรรมถลุงแร่โลหะฯลฯ ไม่ควรจำกัดขอบเขตการศึกษาแค่เฉพาะบริเวณพื้นที่ในรัศมีรอบโครงการ
โดยต้องกำหนดให้มีการศึกษาผลกระทบในเชิงคุณภาพตามความเห็นหรือข้อสังเกตของนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันการศึกษาเป็นต้น
เสนอให้ บอร์ด สวล. กำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยควรพิจารณาเพิ่มเติมบทลงโทษทางอาญาสำหรับกรณีผู้รับผิดชอบการจัดทำรายงานฯ ทั้งในส่วนของผู้จัดทำรายงานฯ และผู้ดำเนินโครงการ/กิจการ ในฐานะผู้ว่าจ้าง
"หากมีการจัดทำข้อมูล อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งโทษปรับและจำคุก รวมทั้งการขึ้นบัญชี "Black List"
ขณะที่ กรณีของผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างหน่วยงานของรัฐ และบริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ ที่หน่วยงานของรัฐว่าจ้าง โดยเฉพาะกรณีที่เป็นโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐดำเนินการร่วมกับเอกชน
ซึ่งดำเนินการตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 อาจทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการดำเนินงาน รวมทั้งเป็นช่องทางให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการทุจริตเชิงนโยบาย
ควรกำหนดให้ ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ หรือจัดทำรายงาน ผู้รับผิดชอบโครงการ ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (Public Hearing)
สามารถแสดงความคิดเห็น ให้ข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะ หรือคัดค้านโครงการ โดยต้องเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นให้สาธารณชนทราบ นำไปสู่ความเห็นควรยุติโครงการ
กก.วล. และ คชก. ควรพิจารณาจัดทำแนวทางและหลักเกณฑ์ในการพิจารณารายงานในทุกประเภทโครงการ/กิจการ ให้มีความชัดเจนและมีมาตรฐาน รวมทั้งพัฒนาเครื่องมือหรือระบบเทคโนโลยี
ซึ่งดำเนินการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในลักษณะ Check list ตามกรอบประเด็นหัวข้อต่าง ๆ เพื่อลดการใช้ดุลพินิจ และช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ คชก. ในการพิจารณารายงานฯ
"สามารถจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดของแต่ละโครงการ/กิจการ รวมทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ เพื่อให้การพิจารณาให้ความเห็นของ คชก. มีความถูกต้อง ครบถ้วน"
เสนอให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับ ทั้งกรอบระยะเวลาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยกรณีที่ คชก. ไม่ให้ความเห็นชอบรายงานฯ ในการพิจารณาครั้งแรก และให้ผู้ดำเนินโครงการไปแก้ไขเพิ่มเติมหรือจัดทำรายงานฯ ใหม่ เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาในรอบที่สอง
ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ คชก. ต้องพิจารณารายงานฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับรายงาน นั้น ทั้งนี้ กรณีที่มีเหตุขัดข้องทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือส่งผลให้การพิจารณาขาดประสิทธิภาพ อาจสามารถขอขยายระยะเวลาในการพิจารณาออกไปได้ ตามแต่กรณี
ปรับปรุงแนวทางการเปิดเผยข้อมูลรายงาน นอกจากการเผยแพร่เฉพาะรายงานฉบับสมบูรณ์ที่ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับรายงานฯ ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ คชก. ในครั้งแรก
ความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของ คชก. กรณีที่ไม่ให้ความเห็นชอบรายงานฯ และให้ผู้จัดทำรายงานฯ ไปดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดทำรายงานฯ ใหม่
ข้อมูลเกี่ยวกับรายงานฯ ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ คชก. ในรอบที่สอง และผลการพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อรายงานฯ ของ คชก. และ กก.วล.
ทั้งนี้ ต้องจัดให้มีช่องทางที่สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสะดวก
"ต้องจัดทำรายงานฯ ฉบับย่อ สรุปข้อมูลในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่โครงการฯ มาตรการป้องกัน มาตรการติดตามตรวจสอบ เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สามารถศึกษาทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น"
เพิ่มกลไกการตรวจสอบถ่วงดุล สามารถอุทธรณ์มติของ คชก. หรือ กก.วล. ซึ่งให้ความเห็นชอบรายงาน ของโครงการ/กิจการใด ๆ ได้ป้องกันมิให้เกิดปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขเยียวยาในภายหลัง รวมถึงประเด็นการทุจริต ตลอดจนสามารถใช้เป็นข้อมูลในกรณีที่มีการต่อสู้ในชั้นศาล
เสนอให้พิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการ "จัดตั้งองค์กรเอกชนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย" เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฯ ทั้งในระหว่างการก่อสร้างและตลอดระยะเวลาที่ดำเนินโครงการ
มีรายงานว่า ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตฯ ฉบับนี้ ออกตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 114/2567 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 เรื่อง เสนอร่างข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทํารายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA).